ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อคืน วันพุธ (18 ส.ค.) โมฮัมหมัด อัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ที่หลบหนีออกไปที่ประเทศ ยูเออี หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า ตนถูกบีบให้เดินทางออกจากกรุงคาบูล และตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศเพื่อป้องกันเหตุนองเลือด
นาย อัชราฟ กานี กล่าวกับชาวอัฟกานิสถาน ด้วยภาษาปัชโตหรือภาษาอัฟกันระหว่างการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า “หากผมยังอยู่ต่อ จะต้องเกิดเหตุนองเลือดขึ้น สำหรับกลุ่มคนที่คิดว่าผมหลบหนี อย่าตัดสินอะไรหากคุณไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด”
ขณะเดียวกัน กลุ่มอดีตรัฐมนตรีของอัฟกานิสถานต่างวิจารณ์กานีอย่างรุนแรง กรณีเขาเดินทางออกจากประเทศอย่างกะทันหัน ขณะกลุ่มตาลีบันบุกเข้ายึดครองกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศ โดยกานี เดินทางออกจากอัฟกานิสถานช่วงคืนวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) หลังกลุ่มตาลีบันยึดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงคาบูล โดยเขาระบุว่าการตัดสินใจข้างต้นเป็นไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ (18 ส.ค.) กระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยืนยันการรับรองกานีและครอบครัวเข้าพำนักอาศัย “บนพื้นฐานทางมนุษยธรรม”
อนึ่ง รัฐบาลอัฟกานิสถาน ภยใต้การนำของ นาย โมฮัมหมัด อัชราฟ กานี ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งเรื่องการเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐอเมริกา การทุจริตคอรัปชั่น และการเล่นพรรคเล่นพวก ใช้เส้นสายแต่งตั้ง ครอบครัว เครือญาติในตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ แม้ว่าเขาจะมาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2563
Advertisement