กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊กข่าวแห่งหนึ่ง เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่า ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของโรงพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้ตั้งด่านจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 คนเป็นชายและหญิง ก่อนจะคุมตัวมาที่โรงพัก และเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา จำนวน 2 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหายิมยอมจ่ายเพียง 1 ล้านบาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำถุงดำมาคลุมศีรษะของผู้ต้องหาจนขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด โดยกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าให้แจ้งกับแพทย์ว่าผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิต หลังจากนั้นปล่อยตัวผู้ต้องหาผู้หญิงไป และห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร เพื่อแลกกับอิสรภาพ แต่ทว่าตำรวจชุดจับกุมทนเห็นแบบนี้ไม่ได้ จึงแจ้งเรื่องร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ล่าสุดวันที่ 22 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้มาพูดคุยกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ ผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมยาเสพติด ร้องเรียนมาทางแฟนเพจเฟชบุ๊กทนายคลายทุกข์ว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด เป็นชายและหญิง จากนั้นก็มีนายตำรวจเรียกรับเงิน 2 ล้านบาทกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหายินยอมจ่ายที่ 1 ล้านบาท และถูกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวนำถุงดำคลุมศีรษะจนผู้ต้องหา ทราชื่อว่า นายจิระพงศ์ อายุ 24 ปี เสียชีวิต
หลังจากนั้นจึงนำศพส่งตรวจนิติเวช แล้วปล่อยผู้ต้องหาผู้หญิงโดยไม่ดำเนินคดี โดยนายตำรวจคนดังกล่าวยังมีประวัติเคยเป็นอดีตแฟนดาราสาวรายหนึ่ง อีกทั้งยังมีความสนิทสนมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ร้องเรียนได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนในกลุ่มไลน์ตำรวจต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ จึงส่งเรื่องร้องเรียนมายังแฟนเพจเฟชบุ๊กของตน
นอกจากนี้ ตนทราบข่าวว่าว่า นายตำรวจคนดังกล่าวถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.6 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิมแล้ว ตนก็เห็นว่าพฤติกรรมถือว่ามีความผิดร้ายแรง จะต้องมีการให้ออกจากราชการทันที โดยเหตุดังกล่าวยังพบว่าเกิดในโรงพัก และทราบข้อมูลมาว่ามีการลบไฟล์กล้องวงจรปิดออกไปแล้ว ตนจึงอยากให้ตรวจสอบไฟล์จากกกล้องวงจรปิดในช่วงวันที่ 5-6 ส.ค.64 เพราะคดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการดูแลของเจ้าพนักงาน จะต้องตั้งสำนวนชันสูตรและตั้งพนักงานในการไตร่สวน
"ผมมองว่าข่าวนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ และกระทบต่อความมั่นคงของข้าราชการตำรวจ และภาพลักษณ์ตำรวจ คุณจับผู้ต้องหามาแล้ว จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่มารีดไถเงินทองจากประชาชน ส่วนทางด้านครอบครัวของผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ผมก็ได้ฟังบทสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของพ่อผู้เสียชีวิตแล้วว่า ทางครอบครัวเขาไม่ติดใจสาเหตุการณ์ตาย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการพูดคุยเรื่องค่าเสียหายก่อนหน้านี้แล้ว ผมอยากฝากถึงตำรวจว่า ตำรวจเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ถ้าคุณจับผู้ต้องหาแล้วปล่อย ยาเสพติดก็คงเต็มบ้านเมือง และอยากให้ ผบ.ตร. มาจัดการคดีนี้" ทนายเดชา กล่าว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ทองใบ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ช่วงที่มีการจัดสวดอภิธรรมศพให้กับนายมาวิน จัดขึ้นประมาณ 3 คืน ตนก็ได้มาร่วมงานทุกวัน ซึ่งช่วงนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในครอบครัว โดยมีการเปิดเผยถึงสาเหตุการตาย ทราบว่านายมาวิน และแฟนสาว ขับรถออกจากพื้นที่จ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าไปที่ต่างจังหวัด แต่ไม่ทราบจังหวัดปลายทาง แต่ระหว่างทางที่ขับรถทราบว่า ฝ่ายชายเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน และตนในฐานะที่เป็นอสม.หมู่บ้าน ก็เข้ามาตรวจคัดกรองและสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับสาเหตุการตาย ทางครอบครัวก็ตอบแต่เพียงว่า “แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก แล้วเสียชีวิต”
และเมื่อทีมข่าวได้สอบถาม เกี่ยวกับกับสาเหตุการตายที่แท้จริง ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินการจับกุมของเจ้าหน้าที่ เพราะเนื่องจากคนตายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถูกสอบปากคำด้วยการใช้ถุงดำคลุมศีรษะ และขาดอากาศหายใจตายนั้น น.ส.ทองใบ ตอบด้วยความตกใจว่า “จริงหรือ มีเหตุการณ์แบบนี้ด้วยเหรอ ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่ทราบ ตอนนี้รู้แต่ว่าออกไปกับแฟนแล้วหายใจไม่ออกเท่านั้น” และระหว่างที่มีการตั้งสวดอภิธรรมศพ ไม่ได้สังเกตพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาร่วมงาน และไม่เห็นพวงหรีดของตำรวจแต่อย่างใด
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่โรงพักที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติงานตามปกติ แต่ไม่มีตำรวจคนไหนกล้าให้ข้อมูลเรื่องนี้ จากนั้นทีมข่าวได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่ในโรงพักที่เกิดเหตุ โดยช่วงวันที่ 6-7 ส.ค.64 หลังจากที่เกิดเหตุขึ้นแล้ว ได้มีแม่และญาติของคนตาย เดินทางมาที่โรงพัก โดยสังเกตว่าผู้เป็นแม่อยู่ในอาการร้องไห้เสียใจ และพยายามเล่าหรือสอบถามข้อมูลกับคนภายในโรงพัก และมีตำรวจบางคนพยายามที่จะเคลียร์ด้วยการจ่ายเงินให้จบเรื่อง ซึ่งเสนอเงินให้ 5 ล้านบาท จากนั้นแม่คนตายและญาติ ๆ จึงได้เดินทางกลับ ซึ่งตนก็คิดว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่วันนี้กลับพบว่าเรื่องบานปลายใหญ่โตอีกครั้ง ส่วนตัวในฐานะข้าราชการผู้น้อย ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ขอย้ำว่า “สิ่งที่รู้ก็ไม่ควรพูด สิ่งที่เห็นก็ทำเป็นไม่เห็น ตราบใดที่ยังต้องทำงานที่นี่ ก็ต้องเอาหูทวนลมเข้าไว้”
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีการลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 6 ที่ 299/2564 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ภายหลังมีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ ร้องเรียนข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ กรณีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการจับกุมและสืบสวน ขยายผลผู้ต้องหาคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8(2) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 จึงให้ตำรวจนายนี้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม และให้ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 6 เป็น ผู้กำกับดูแลตามคำสั่งกรมตำรวจ (เดิม) ที่ 1212/2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความ ประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 22 ส.ค.64
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สอบเครียด! แม่ - เมียหนุ่มตายปริศนา พ.ต.อ.ปัดคลุมหัวไถเงินล้าน สัปเหร่อเผยพิรุธศพ (คลิป)
- ประวัติ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจหนุ่มเจ้าของฉายา โจ้ เฟอร์รารี่
- ทนายษิทรา แชร์คลิปอ้างนาที ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงพ่อค้ายารีดเงิน 2 ล้าน จนเสียชีวิต