กิต Three Man Down หรือ กิต กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ ฟรอนต์แมนคนสำคัญแห่งวง Three Man Down วงดนตรีที่มาแรงในยุคนี้ มาเผยเรื่องราวแบบเจาะลึก จุดยืนตัวตนที่ชัดเจนที่ใครหลายอาจไม่เคยรู้มาก่อน ย้อนเล่าเหตุกาณ์ไม่คาดฝันโดนจับของลับบนเวที และวีรกรรมของแฟนคลับที่ต้องพบเจอ เปิดเรื่องความรักครั้งแรกโดยยอมรับว่าเป็นคนที่แสนโรแมนติก ทั้งหมดนี้ในรายการ WOODY FM
เข้าวงการตอนอายุเท่าไร ตอนนั้นมันมีภาพไหมว่าจะมาเป็น กิต Three man down ?
กิต : เริ่มถ่ายโฆษณาตอนอายุ 18 ครับ ไม่มีภาพเลยครับ แค่อยากร้องเพลงเฉยๆ มีวงดนตรีที่โรงเรียนแล้วก็อยากร้องเพลง คิดว่าวันหนึ่งเราอยากจะร้องเพลงของเราเอง ให้คนอื่นสนุกไปกับมัน เคยแบบเอาขวดน้ำมาเป็นไมค์ เอาไม้กวาดเป็นกีตาร์ เปิดคอนเสิร์ตใน Youtube ดูแล้วก็ปรบมือตาม (หัวเราะ)
ตั้งแต่เด็กเลยไหมที่รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ฉันชอบอยากทำ ?
กิต : ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าภาพมันชัดมาก ว่าผมอยากเป็นแบบนี้ตั้งแต่ ม.ปลายเลยครับ ชัดจนเราอยากเป็นแบบนั้นจริงๆ
เชื่อไหมว่าเมื่อภาพมันชัดจะเกิดขึ้น ?
กิต : ตอนแรกไม่เชื่อเลยครับ พอได้เจอกับวงนี้ แล้วเป็นวงที่ภาพชัดเหมือนกัน ผมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นตั้งแต่เจอพวกเขาเลยครับ
เวลาอยู่กับแฟนโรแมนติกไหม ?
กิต : ระดับหนึ่งเลยครับ น่าจะมากเลยครับ ด้วยทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลย ผมเป็นคนที่จำได้ทุกอย่าง สังเกตุอ่ะครับ สมมุติว่าผมเห็นวันนี้พี่วู้ดดี้นั่งอยู่แล้วปากกาหมึกเหลือครึ่งหนึ่ง ถ้าปากกามันจะหมดผมก็จะหยิบปากกาให้พี่วู้ดดี้ เพราะผมรู้ว่าปากกามันจะหมดแล้ว สำหรับผมๆ ว่าอันนี้โรแมนติก มันจะมีความรักบางประเภทที่แบบว่าชอบไม่สังเกตุกัน ไม่ได้สังเกตุว่าแฟนงอนเราเรื่องอะไร ถ้ามันเกิดขึ้นอีกเราก็ต้องมาทบทวนว่าเค้างอนเราเพราะอะไร โดยที่เราไม่ต้องไปถามเขา แล้วเราก็แก้ไขให้เขาผมว่าสิ่งนี้โรแมนติก
ถ้าให้ทายคุณอยู่ในวัยที่ไม่มีสเปคแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คงมี มันเกิดอะไรขึ้นถึง OPEN แล้ว ?
กิต : ใช่ครับ เพราะโควิดเลยครับ (ยิ้ม) พอมันต้องอยู่กับตัวเองแบบจริง ๆ มันตกตะกอนว่าเราต้องการอะไร ตรงข้ามบ้านผมจะมีเด็กอยู่คู่หนึ่งเป็นลูกของฝั่งตรงข้าม ผมก็ได้ดูเขาเล่นทางหน้าต่าง แล้วผมก็เห็นพ่อแม่เขามีความสุขมันแค่นั้น แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตแค่นี้จริงๆ และรู้สึกว่าคือจุดสูงสุดของชีวิตที่มนุษย์เราเกิดมาก็อาจจะต้องการสิ่งแค่นี้ มีบ้าน ไม่ต้องมีเงินมหาศาล ทำงานดูแลพ่อแม่ได้ ดูแลเพื่อนฝูงทีมงานได้ แล้วก็มีลูก ผมว่าชีวิตมันแค่นี้
คิดถึงการมีครอบครัวหรือยัง ?
กิต : คิดถึงแล้วครับ
ในวัย 27 ปี "กิต Three Man Down" ต้องเผชิญกับเรื่องอะไรที่ท้าทายที่สุด ?
กิต : ผมว่าตัวผมเองแปรปรวนมากครับ ความคิดที่จะไม่ให้ตัวเองเครียดเกินไป หรือว่าเหลิงไป เราต้อง Humble ตลอดเวลา บางอันมันไม่สมเหตุสมผล พูดได้ไหม แต่ถ้าเราไม่พูด อะไรแบบนี้มันอยู่ในหัวทุกวัน เสียงในหัวมันดัง ถ้าเกิดมีปัญหามันดังมาก หน้ามันจะร้อน ก็ต้องมีคนมาเบรค คนๆ นั้น ก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจผมจริงๆ ว่าผมคิดอะไรอยู่
สมมุติว่าในคอนเสิร์ตหนึ่งมันจะมีอะไรบ้างที่เป็นไปได้ที่จะทำให้คุณหัวร้อน ?
กิต : อยู่ดีๆ ก็โดนจับไข่อะไรแบบนี้จากข้างหน้าเวที หรือว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนถ่ายสตอรี่อยู่หน้าผมแล้วก็ทำท่าออรัลเซ็กส์ ที่ผมยืนร้องเพลงอยู่ แล้วเค้านั่งก็ถ่ายเพื่อนเค้าหันไปทำท่าออรัลเซ็กส์กับตัวผมที่อยู่บนเวที ผมรู้สึกว่าโคตรไม่ให้เกียรติ คือผมมาทำงาน คุณมาเที่ยวผมให้เกียรติ ทำเต็มที่เพื่อให้คุณได้รับความสุขแต่คุณจะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้
มีสเปซของคุณแต่ถูกล้ำเส้น ?
กิต : ใช่ครับ สเปซด้วย และรู้สึกว่ามันเป็นมารยาทด้วยครับ ทำไมทุกคนเข้าไปดูหนังแล้วถึงรู้ว่าต้องไม่พูด แล้วทำไมสิ่งนี้คุณไม่รู้ว่าบนเวทีมันก็เหมือนดูหนัง มันก็คือมหรสพเหมือนกัน มันคือเบสิคที่เราจะไม่ไปก้าวล้ำเค้า
ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ตอนนี้ว่าทางออกมันคือยังไง ?
กิต : ใช่ แล้วมันก็จะตีกันไปหมดเลย
แล้วคิดว่าจะยังไงต่อกับความรู้สึกตอนนี้ ?
กิต : ช่วงนี้ผมรับมือกับมันได้ ตอนนั้นคือประมาณ 2 ปีที่แล้ว คือรับมือได้แบบ Bad Comedy อ่ะครับ ข้างในก็ยังแปรปรวน แต่ผมจะแสดงออกแบบ Bad Comedy ออกไป เพราะผมรู้สึกว่าเขาเห็นหน้าเรามาสักพักหนึ่งแล้วล่ะ เค้าน่าจะเริ่มจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนยังไง เราซีเรียสกับสิ่งนี้ ถ้าผมอยู่ข้างล่างก็อาจจะอีกบริบทหนึ่งก็ได้อาจจะด่ากลับหรือคุยเล่นกลับ หรือจับกลับก็ได้อ่ะ แต่ว่าตอนนี้มันคือพื้นที่สำหรับผม มันคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มันควรจะให้เกียรติกัน
สิ่งที่แปลกที่สุดที่สัมผัสมาระหว่างเล่นคอนเสิร์ตคืออะไร ?
กิต : จะมีรีเควสอะไรแปลกๆ เข้ามาบ้าง สมมุติว่าผมจ้างพี่วู้ดดี้มาโชว์ ผมก็ต้องเคารพเพราะว่าพี่วู้ดดี้คือไดเรคเตอร์ของโชว์นี้ เราจ้างเขามาเพราะเราชื่นชอบผลงาน เราอยากจะมาดูในแบบที่เขาเป็น ไม่ได้ไปอยากจะเปลี่ยนอะไรเขา อันนี้เดี๋ยวขอแบบนี้ได้ไหม ตอนเพลงนี้ขออย่างงี้ได้ไหม เดี๋ยวทำอย่างงี้อย่างงั้นได้ไหม ทุกโชว์เราไม่ได้เล่นไปวันๆ เราตั้งใจกับทุกๆโชว์จริงๆ
คือถ้าใครติดตาม Three Man Down จะรู้ว่าทุกๆ โชว์พวกผม เอากันคอเคล็ดทุกโชว์ ถ้าเลือดสาดได้ก็เลือดสาดไปเลย ผมไม่สนใจอยู่แล้วเพราะว่าผมไม่รู้ว่าคนข้างล่างที่ตั้งใจมาดูจริงๆ เขาอาจจะมาดูงานนี้งานสุดท้ายก็ได้ เราทำกันเต็มที่ทุกวันครับ อยู่ดีๆ จะมาทำให้มันสะมะกึก ผมรู้สึกว่าถ้างั้นพี่ก็ไดเรคเองไหมครับ
ผมว่ามันก็เหมือนกับทุกๆ สิ่งที่เรากำลังเจอกันอยู่ในงานครีเอทีฟทุกๆ งาน ที่เราตั้งใจทำมันมาแล้วเราโดนบางอย่างสะมะกึก ด้วยจุดที่แบบว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ อันนี้คือผมรู้สึกว่ามันเป็นวัฒนธรรมที่เจอกับทุกวงการจริงๆ
Advertisement