พลอย ชิดจันทร์ คุณแม่สวยแซ่บ ที่ใครๆ ต่างอิจฉาอยากอยากมีชีวิตแบบเธอ เป็นครอบครัวนักธุรกิจสุดอบอุ่นและรวยมาก มีสามีชาวฮ่องกงที่รวยเป็นพันล้าน และลูกๆ ที่น่ารักทั้ง 4 คน อีกทั้งเธอยังเป็นดาวติ๊กต๊อกสร้างกระแสไวรัลดัง "ฉันเป็นประธานบริษัท" จนใครๆ ก็อยากมีอาชีพแบบเธอ
แต่เบื้องหลังนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เปิดอีกมุมแบบหมดเปลือกเล่าทั้งน้ำตาย้อนอดีตที่เคยลำบาก ถึงขนาดเคยเดินไปทำงานทั้งๆ ที่รองเท้าขาด ในรายการ WOODY INTERVIEW
หลายๆ คนอยากเป็น พลอย ชิดจันทร์ เพราะชีวิตคุณสมบูรณ์แบบเหลือเกินไม่ว่าจะเป็น การงาน ครอบครัว อย่างสามีเทคแคร์กันและกันยังไง ?
พลอย ชิดจันทร์ : หนูว่ามันคือความเข้าใจกัน และใส่ใจในกันและกัน เราก็ซัพพอร์ตเขาอยากจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ คุยกันหรือเข้าใจกัน ก็จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรให้กำลังใจเขา ควรซัพพอร์ต
สิ่งที่เราประทับใจในสิ่งที่เขาทำให้เราคืออะไร ?
พลอย ชิดจันทร์ : ความสม่ำเสมอ ความมั่นคงที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาจะไม่ทำให้เราเสียใจ เขารักเรา อาจจะไม่ต้องทำอะไรให้ สิ่งที่ทำบางทีการกระทำดูเขาเป็นคนแข็งๆ พูดเสียงดังโหวกเหวก คนอื่นมองอาจจะรู้สึกว่าทำไมดูใจร้ายกับเรา บางทีคุยเรื่องงานบางทีก็ดุก็ว่า แต่มันมีความรู้สึกลึกๆ ที่รู้ว่าเขารักเราและหวังดี ไม่ทำให้เสียใจ มันเป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้มากกว่า
ในบ้านหลังนี้ใครดูแลสมบัติ ?
พลอย ชิดจันทร์ : จริงๆ เขาไม่เก็บอะไรเลย ให้เราเป็นคนเก็บ เวลาหาไม่เจอก็จะมาถามเรา คือเขาไม่ค่อยซื้ออะไรถือว่าให้เราดูแล
คุณลาออกจากวงการเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อจะไปเป็นคุณแม่และทำหน้าที่อย่างสมบรูณ์แบบ แต่มีเรื่องหนึ่งที่พลอยไม่เคยเล่าที่ไหนและวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่คุยเรื่องนี้คือ ภาพวันนี้ที่เราเห็นว่าคุณมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในอดีตที่เพิ่งเข้าวงการ มันเป็นช่วงชีวิตที่แทบจะไม่มีอะไรเลย ?
พลอย ชิดจันทร์ : คือจริงๆ อย่างที่บอกเราไม่เคยเล่าที่ไหน พอไม่ได้พูดถึง คนก็จะไม่รู้ว่าเราเป็นยังไงมา เจออะไรมาบ้าง หนูก็เป็นเด็กเชียงใหม่คนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าวงการ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย หลายคนก็จะคิดว่าทำไมพลอยต้องขยันขนาดนี้ ทำไมบ้างานจัง ทำงานเยอะ เหมือนเราได้ปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆ เริ่มทำงานมาจากได้ค่าตัว 300 - 500 บาท
พอได้ทำงานได้หาเงินเอง มันคือความภาคภูมิใจ อยู่เชียงใหม่ก็ต้องมาทำงานกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่มาประกวดดัชชี่นั่งรถทัวร์มาจนได้ทำงาน จากค่าตัวหลักร้อยจนมาหลักพัน ไปถ่ายรายการเป็นเด็กอายุ 16 ที่ต้องมาทำงานกรุงเทพฯ ตื่นแต่เช้านั่งรถเมล์ต่อรถตู้ คือสมัยก่อนมันลำบากมาก่อน เลยทำให้เราขยันเมื่อก่อนเราเดินจนรองเท้าขาด แต่พอมานึกถึงชีวิตที่เราผ่านมา ไม่ได้สวยงามหรือไม่ได้เป็นอะไรที่มันง่ายเหมือนที่ทุกคนเข้าใจ
ระหว่างที่ทุกคนเขามีรถไปที่ช่อง 3 คุณนั่งรถเมล์ และเดินไปพร้อมกับรองเท้าที่ขาด ?
พลอย ชิดจันทร์ : ใช่ แล้วเราบางครั้งแม่ก็มาอยู่ด้วย บางครั้งแม่ก็ไม่ได้มาด้วย ก็ไปเองทำงานเอง เราก็อยากจะรับผิดชอบงานของเรา ถึงแม้มันจะเหนื่อยยากแต่พลอยก็รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่เราได้ทำ มันก็เป็นอะไรที่หล่อหลอมให้เป็นเราในแบบทุกวันนี้ (ร้องไห้) พอได้แชร์ได้คิดถึงโมเมนต์นั้นว่าเราเคยผ่านอะไรมา คนอาจจะคิดว่าอาชีพ พลอย ชิดจันทร์ ดูมีความสุขชีวิตดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วหนูเป็นยังไง
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รายได้เป็นยังไงหรือไม่มีอะไรเลย คุณก็สามารถเป็นอย่าง พลอย ชิดจันทร์ ได้เพราะเธอก็เริ่มต้นแบบไม่มีอะไรเลยเหมือนกับทุก ๆ คน ดังนั้นทุกคนที่ดูแล้วอยากเป็นแบบเธอเป็นได้เลยนะครับ เป็นในเวอร์ชั่นของคุณ ถ้าคุณอยากมีความสมบรูณ์แบบในชีวิต คุณมีสิทธิ์ที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ทุกคนมีจุดเริ่มต้น อยากให้กำลังใจคนที่เขาอิจฉาชีวิตคุณจังเลยจะบอกเขาว่าอย่างไร ?
พลอย ชิดจันทร์ : เราต้องมองทุกอย่างเป็นโอกาส เจออะไรที่รู้สึกว่าเราต้องเหนื่อย ต้องเผชิญ แต่ให้มองว่าสิ่งนั้นถ้าเลือกที่จะทำแล้วก็ต้องสู้ ต้องขยันให้เต็มที่ เต็ม 100% กับทุกอย่าง ที่เชื่อว่าคือสิ่งที่เราเลือกแล้วอยากจะทำมันค่ะ
Advertisement