ทอยทอย ธนภัทร เปิดใจครั้งแรกจากเรือนจำ เหตุการณ์แทงแฟนสาวเสียชีวิต ถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา เคยพยายามฆ่าตัวตายตอนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
จากคดีสะเทือนขวัญวงการบันเทิง อดีตนักแสดงซีรีส์วายชื่อดัง ทอยทอย ธนภัทร ชนะกุลพิศาล ได้ก่อเหตุใช้มีดปอกผลไม้แทงแฟนสาวเสียชีวิตคาบ้านพักเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564
ที่ล่าสุด โกบอย ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ ทอยทอย ในเรือนจำพิเศษมีนบุรี ผ่านช่องยูทูบ KoBoyKrush โดย ทอยทอย ได้เปิดใจครั้งแรกในรอบ2 ปีหลังใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้เผยว่า "ปัจจุบันศาลตัดสินจำคุก 10 ปี ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา"
และได้เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า “ตอนเช้าผมไปบริษัทเซ็นสัญญา เจอทุกคน เหมือนเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆเราได้บท กลับไปรับเขา พอไป 2 ทุ่มรับเขาที่พูลวิลล่าระหว่างกลับเขาไม่คุยกับผมเลย ผมเอาสัญญาให้เขาดูดูให้หน่อย เขาบอกเขาเป็นเลขารัฐมนตรี ก็เอาเอกสารให้เขาดูไป ก็นั่งอ่านๆไป เขาด่าผมมาว่า ทำไมเธอโง่แบบนี้ นี่มันสัญญาทาส ผมทำงานในวงการมา เห็นสัญญาพวกนี้เยอะเหมือนกัน เหมือนกันหมดไม่มีอะไรแตกต่าง ก็แค่ตอบว่า หรอ ไม่ได้อะไร เขาบอกค่อยไปคุยที่บ้าน”
“ตอนนั้น 3 ทุ่มพอดี จำภาพได้แม่น ภาพยังติดตาอยู่เลย นั่งกินเบียร์กันต่อ แต่เขาเมามาแล้วจากพูลวิลล่า ผมนั่งจิบเป็นเพื่อนเขา เขาเอาสัญญามาอ่านอีกครั้ง เขาบอกสัญญาข้อนี้ไม่โอเค ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ผมขอโทษก่อนเลยนะครับพี่เอ็มมี่เรื่องสัญญา คือห้ามทำบริษัทเสียชื่อเสียง ซึ่งเขาอธิบายให้ผมฟังว่า นี่คบใครจะเปิดตัวนู่นนี่นั่น ถ้าลงรูปคู่ไป เขาฟ้องมาจะเอาตังค์ไหนจะจ่ายเขา ซึ่งผมว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ตอนตกลงเป็นแฟนเราบอกแล้วว่าไม่สามารถเปิดตัวอะไรได้นะ บอกเขาชัดเจนว่าไม่สามารถเปิดตัวอะไรได้ ลงได้แค่ Close Friend”
“เขาก็ด่าผมมา เขาบอกให้เปลี่ยนสัญญา ผมก็ยอมเขา ก็โทรไปหาผู้จัดการผม บอกพี่เปลี่ยนสัญญาได้มั้ยข้อนี้ เขาบอกได้ดิน้อง แต่เขาก็ยังไม่พอใจ เขาได้ยินที่ผมคุยกับผู้จัดการ สักพักเขาก็ไม่พอใจ ผมเริ่มหงุดหงิดเลยบอกว่านู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แต่งงานเลยไป งานไม่ต้องทำแล้ว พูดประชดเขาไป เขาบอกว่าจะแต่งได้ไงยังไม่ถอนหมั้นกับคนเก่า ผมก็นิ่งเงียบไป นี่คือที่บ้านเขาชั้นล่าง”
“เขายกเรื่องอะไรสักอย่างมาด่าผมเรื่อยๆไม่หยุด เขาพูดบ่น วนกลับมาเรื่องเดิมตลอด เราเงียบ ไม่โต้ตอบ สักพักเหมือนเขาเหนื่อย ผมจิบไปเรื่อยๆ เขาตบหน้าผม เขาบอกว่าผมกวนตีนไม่ยอมพูดกับเขา ไล่ผมออกจากบ้าน ผมบอกโอเคผมยอมแพ้แล้ว ผมเดินไปชั้น 2 ไปเก็บเสื้อผ้า เขาเดินตามขึ้นมาถือมีดขึ้นมา เอามาถือแกว่งไปมาอยู่ตรงประตู ผมนั่งเก็บเสื้อผ้าผมอยู่”
“เขาพูดในเชิงด่า ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง ไม่อยากอยู่แล้ว เขาด่าผมไปเรื่อยๆเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาก็เดินมายกกระเป๋าผมเท วางมีดไว้ตรงเตียง ด่าผมและตบหน้าผม ตอนนั้นผมโกรธทำไมทำกันแบบนี้ ไหนคุยกันแล้วว่าเราจะไม่อะไรใส่กัน ไม่สนใจผมเก็บอีกรอบ สักพักเขาเทอีก เขาก็ด่าเชิงดูถูก เขายกแฟนเก่ามาอ้างว่าแฟนเก่าดังกว่านี้ทำไมยังลงรูปได้รอบสามเขาด่าผม”
“จนยกคีย์บอร์ดจะมาฟาดผม ผมผลักเขาไปที่ประตู ก่อนเขาจะดึงคีย์บอร์ด เขาพังหน้าจอคอมผมพังลงมา มันก็แตกมีเศษ ด้วยความโมโหทำผมแล้ว ทำไมยังทำของผมอีก ผลักเขาไปชนขอบประตู หัวเขาไปกระแทกขอบประตู เลือดไม่ออก ก็วิ่งกลับมาเก็บของ เขาก็เดินเข้ามาอีก หยิบมีดเข้ามาอีกหยิบมีดเข้ามาหาผม ทะเลาะแย่งมีดกัน เขาขู่ฆ่าพ่อแม่ผม”
ผมสาบานให้ผมตายโหงตายห่า เขาบอกว่าจะฆ่าพ่อแม่มึง ทำให้มึงไม่มีที่ยืน ทำให้พ่อแม่มึงลำบากที่สุด ครอบครัวผมอะมาพูดแบบนี้ใครจะรับได้ ในการที่ผมเสพอยู่กับเขามา เขาบอกทำงานธุรกิจสีเทา เป็นไปไม่ได้หรอว่าเขามีอิทธิพลในด้านการเมืองเขายังมาทุบตีผมอยู่ ผมกำมีดอยู่แต่ยังไม่ได้ทำอะไร เขาไปยกคีย์บอร์ดมาฟาดผม ผมโมโหและเจ็บมากๆกับอะไรที่เจอแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าผมแทงไปตอนไหน”
“แต่ตอนช่วงผมโดน ผมดันเขาออกมาจากห้องนั้น ที่ไม่มีทรัพย์สินผมอยู่ ดันไปอีกห้องนึง น่าจะเป็นช่วงที่ดันกัน เขาจิกตบหัวผมตลอด พอรู้สึกตัวอีกที นั่งในห้องมีเตียง โซฟา ทีวี และเป็นห้องแต่งตัว เขานั่งยิ้ม หัวเราะ มีเลือดไหลออกมา โดยการที่ผมกลัวเลือด ช็อก โทรหาพี่ทำไงดีผมทะเลาะกับพิมใช้มีดแทง”
“ตอนนั้นอาการเขายังนั่งยิ้ม หัวเราะ ผมแยกออกมาอยู่ตรงห้องเสื้อผ้า พี่เขาบอกว่าอย่าพาเขาไปไหน เดี๋ยวโดนข้อหาเคลื่อนย้ายอำพรางศพ ผมบอกเลือดไหลออกเยอะมาก ผมพูดไม่รู้เรื่องแล้วอะ ผมโทรหา 191 บอกขอรถพยาบาลด่วนเลย ที่หมู่บ้าน ผมโทรตอน 00.19 น. ตำรวจขี้มอไซค์มา 2 คน ผมโทรเสร็จหันออกมาจากห้อง เขาลงไปนอน จากที่นั่งพิงโซฟาเขาลงไปนอนกับพื้น เลือดไหลเยอะกว่าเดิม”
“โกผมสาบานเลย (ยกนิ้วสาบาน) มีดไม่ได้อยู่ที่เดิม ตอนผมเข้าไปในห้อง ผมวางมีดไว้ตรงหน้าประตู แล้วมีดอยู่ข้างเขาตอนที่ผมเดินออกมาจากห้อง ผมพูด ผมพูดผมสาบานเลย (ยกนิ้วสาบานเลย) ผมสาบานเลย แต่มีดไม่ได้อยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าแทงไปกี่แผล หลังโทรหาตำรวจ ผมห้ามเลือดให้เขาอยู่ สติผมกลับมา ทำอะไรลงไป ตอนนั้นเขายังหายใจอยู่แต่ยังไม่ได้คุยกัน ตำรวจให้ผมลงไปข้างล่าง”
“ผมถามตำรวจตลอดว่าแฟนผมเป็นไงบ้าง ตร.บอกว่าปลอดภัยแล้วช่วงที่ตี 4 เขาห่อผ้าขาวลงมา ผมกลายเป็นคนบ้าที่สติแตก อยากเอาหัววิ่งชนกำแพง ไหนบอกเขาปลอดภัย ผมสู้ว่าผมไม่ได้เจตนา ผมไม่ได้อยากเอาชนะหรืออะไร ผมอยากจะเล่าเหมือนเล่าวันนี้ให้ศาลฟัง แค่ขอให้เล่าในสิ่งที่ผมเจอมาจริงๆ ผมอยากพูดตั้งแต่ที่ผมอยู่ สน.ปัจจุบันอยู่ในเรือนจำ 2 ปีแล้ว ช่วงแรกเข้ามาผมพยายามฆ่าตัวตาย อยากตายตามเขาไป อยากอยู่กับเขาจริงๆ ไม่ได้อยากหนีความผิด แต่อยากอยู่กับเขาจริงๆ ถ้าได้ออกไปแล้วผมอยากบวชให้เขาครับ”
Advertisement