“เต๋า สมชาย เข็มกลัด” แชร์ประสบการณ์จริง ให้ความรู้เรื่อง “โรคอัณฑะบิดหมุน” (Testicular torsion) ที่ประสบกับลูกชาย พร้อมขอบคุณทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้การดูแล ผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีกลับมาใช้ชีวิตปกติ
โดยล่าสุดวันนี้ 7 พฤษภาคม 2567 ณ ลานกิจกรรม อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษาชั้น 2 โรงพยาบาลตำรวจ “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” เผยว่า
"ลูกชายหลังจากมีอาการปวดอัณฑะที่บวม จากการออกกำลังกายและเล่นกีฬา พาไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอวินิจฉัยว่า เป็นอาการของโรค “อัณฑะบิดหมุน” ครอบครัวรู้สึกตกใจ กังวลมาก แพทย์แจ้งว่าอาจเกิดอาการบิดซ้ำได้ ซึ่งอาจเป็นอันตราย แพทย์แนะนำให้รีบผ่าตัดด่วน จึงตัดสินใจปรึกษากุมารแพทย์ด้านศัลยกรรมที่โรงพยาบาลตำรวจ"
"โดยพบ พ.ต.อ.วสันต์ นันทสันติ นายแพทย์ (สบ 4) กลุ่มงานศัลยกรรม(ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเด็ก) ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมตัว การดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด ทำให้ครอบครัวคลายความกังวล จึงตัดสินใจผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์"
"ซึ่งทีมศัลยแพทย์กุมารของโรงพยาบาลตำรวจ ทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 และดูแลอย่างใกล้ชิด จนปัจจุบันลูกชายสามารถใช้ชีวิตปกติ ออกกำลังกาย และเล่นกีฬาได้ ไม่มีผลกระทบ หรือผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพ ครอบครัวขอบคุณ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ และทีมศัลยแพทย์ พยาบาล ที่ทำการรักษาอย่างเต็มที่ ผลการรักษาเป็นไปด้วยดี"
สำหรับ โรค อัณฑะบิดหมุน เกิดจากการบิดเกลียวของเส้นเลือดขึ้นด้านบน เลือดไปเลี้ยงอัณฑะได้น้อย จนเกิดการบิดหมุนของลูกอัณฑะ
แบ่งได้ 2 ประเภท คือการบิดหมุนของลูกอัณฑะเอง โดยบิดหมุนได้ทั้งภายในและภายนอกของถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นประเภทที่รุนแรงมากที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก และการบิดหมุนของติ่งลูกอัณฑะ หรือ การบิดหมุนของติ่งท่อนำไข่ อาการปวดรุนแรงน้อย
ส่วนสาเหตุมาจาก 1. ตำแหน่ง เช่น ในหรือนอกถุงอัณฑะ 2. การกระแทก จากการออกกำลังกาย เล่นกีฬา 3. อุณหภูมิหรือฮอร์โมน เช่น ตื่นนอนตอนเช้า ลูกอัณฑะเกิดการหดตัว อวัยวะเพศแข็งตัว กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดตัวจนเกิดอาการปวด
อาการแรกเริ่ม คือปวดลูกอัณฑะ คลื่นไส้ บวมแดงจากการขาดเลือดไปเลี้ยง หากปล่อยไว้นาน จะรุนแรงไปจนถึงเสื่อมสภาพ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตาย ต้องตัดทิ้งหากมาพบแพทย์ช้า ซึ่งแพทย์แนะนำเด็กที่มีลูกอัณฑะไม่ครบ ให้รีบมาตรวจ เพราะมีภาวะเสี่ยง ลูกอัณฑะบิด หากมีอาหารปวดเจ็บลูกอัณฑะ ให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ
Advertisement