อ้อม พิยดา เล่าเหตุการณ์ตอนเด็ก เกือบโดนลักพาตัว ควงลูกสาวคนสวย น้องนาวา วัย 12 ปี เปิดใจครั้งแรกหลังตัดสินใจย้ายไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์
นางเอกตัวแม่ของวงการบันเทิง อ้อม พิยดา ที่วันนี้ควงลูกสาวคนสวย น้องนาวา วัย 12 ปี เปิดใจครั้งแรกหลังตัดสินใจย้ายไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ จนโดนเม้าท์ว่าแม่เป็นคนบังคับ พร้อมเปิดความดุและความคิดเรื่องลูกขั้นสุดที่สาเหตุเกิดจากวัยเด็กที่คุณแม่อ้อมเกือบโดนลักพาตัวที่โรงเรียน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
หลายคนบอกว่านาวาโตแล้ว แต่พี่อ้อมบอกว่าไม่ลูกฉันยังเป็นเบบี๋ ?
อ้อม : จริงๆ โตแต่ตัว เห็นได้จากลักษณะการเล่น ล่าสุดเพิ่งไปเกาหลีมา โสนจะมีความโตแล้ว แต่นี่ยังไปวิ่งเล่นอยู่กับสวรรค์ แล้วพอดีไปเจอลูกของตู่ ภพธร ด้วย 2 คน ก็วิ่งเล่น ตีลังกา
ตอนนี้เริ่มมีการแต่งหน้าหรือยัง ?
น้องนาวา : เริ่มแล้วค่ะ
อ้อม : ไปเกาหลี เข้าโอลีฟ ยัง ลิปอันนั้น ปัดขนตาสุดๆ
ไปรู้จักยี่ห้อพวกนี้ได้ยังไง พวกเราส่งหนูไปเรียนหนังสือหาความรู้ แต่ทำไมพวกหนูรู้ว่าอะไรใหม่ๆ เราไม่รู้จักด้วย?
อ้อม : ตอนนี้เราต้องไปถามเขาว่ามีอะไรออกใหม่ อะไรอินเทรนด์ เขารู้กันหมดทุกอย่าง แต่นาวาพี่จะไม่ให้แต่งหน้าไปโรงเรียน พี่สอนว่าสมมติอยู่ในชุดนักเรียน ต้องให้เกียรติโรงเรียน มันแล้วแต่บ้านนะคะ แต่ลิปมันได้ ดัดขนตาได้ แต่สีอะไรแบบนั้นไม่เอา แต่ถ้าเกิดวันเสาร์-อาทิตย์ เธอจะกรีดอายไลน์เนอร์ไปถึงหูแม่ก็ไม่ว่า
ถ้ามีหนุ่มมาจีบแม่อนุญาตไหม ?
อ้อม : มีไหมคะ
น้องนาวา : ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ
อ้อม : เราค่อยๆ ทำใจไปเรื่อยๆ เราก็หวังใจว่า คือเราเลี้ยงลูกอย่างมีเหตุผล สอนเขาทุกอย่าง วิธีการคบเพื่อนในอายุนี้ ความปลอดภัยที่มันสำคัญ เราก็สอนแล้ว ไม่ใช่มีแล้วพากันไปทางเสีย เราก็สอนเหตุผลที่ดีที่สุดของแม่บ้านนี้ คิดว่ามันดี เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะดีละนะ หวังใจว่า ซึ่งตอนนี้ก็ยังดีอยู่ ก็ยังไม่ได้มีอะไร ก็มีเพื่อนผู้ชาย คุยกับเพื่อนผู้ชายได้ไม่เขิน
แล้วพี่อ้อมมีหนุ่มมาจีบตอนไหนอายุเท่าไหร่?
อ้อม : ตอน ป.5
ได้มีคุยกับสามีไหม ถ้าสมมุติมีหนุ่มมาจีบลูกสาวเรา?
อ้อม : ก็เพิ่งคุยไป พี่อาร์ตบอกว่าก็ต้องทำใจ เขาพยายามทำใจไปเรื่อยๆ ด้วยสภาพสรีระที่เปลี่ยนไป จากเด็กน้อยตัวเล็กของเรา พอเราโตขึ้นเราก็ต้องทำใจ ปรับใจเราให้ไปตามอายุเขา เขาจะได้ไม่อึดอัด มีอะไรก็คุยกับเรา
นาวาคิดยังไงบ้างกับสิ่งที่คุณแม่สอน ?
น้องนาวา : มันสนุกดีค่ะ
อ้อม : มันสนุกยังไง หมายถึงว่ามันอึดอัดไหมเวลาที่แม่คุยกัน ที่แม่ถาม มีแฟนไหม มีคนมาจีบหรือยัง
น้องนาวา : ไม่อึดอัดค่ะ ก็คิดว่าเพื่อนๆ เกือบทุกคน ก็อาจจะมีคนนี้ คนนั้น ชอบใครปนะมาณแบบนั้น อาจจะปกติสำหรับอายุนี้
แต่สุดท้ายเราก็จะทำตามที่แม่จ๋าสอน ?
น้องนาวา : ใช่ค่ะ
แม่สอนว่าอะไรบ้าง ?
น้องนาวา : แม่สอนว่าถ้าชอบใครก็ชอบได้ แต่ต้องพากันเรียน พากันไปทำสิ่งดีๆ
คือเราไม่ปิดกั้น?
อ้อม : ใช่ๆ เราก็ต้องพูดไปแหละ ถ้าคนที่เขาชอบเราก็ต้องปล่อย เราต้องเปิด สอนแบบนี้
แต่เห็นว่ามีชอบหนุ่มฝรั่งแล้ว ?
น้องนาวา : เป็นนักแสดง
อ้อม : คือเขายังไม่เคยชอบ ยังไม่มีวัยว้าวุ่น เขายังไม่มีคนที่เขาชอบ ถ้ามีมันจะรู้สึกยังไง เราก็จะพูดให้เขาฟัง
แต่ตอนนี้ชอบพระเอกหนังใช่ไหม?
อ้อม : ใช่
เวลาเราเห็นรู้สึกยังไงบ้าง เขินไหม?
อ้อม : เขินครั้งแรก ไม่เคยเห็นเขาเขิน แล้วคนนี้พี่จะแซว เพราะแซวปุ๊บ บอกว่านาวาคนนี้แม่ชอบนะ เขาจะบอกว่าไม่ได้นาวาชอบก่อน เธอฉันดูหนังเรื่องนี้มาก่อนเธอ แกล้งเขา
เห็นว่าเวลานาวาจะดูหนังเรื่องอะไร คุณแม่จะให้อ่านหนังสือก่อน?
น้องนาวา : ใช่ค่ะ เหมือนแบบเรื่องนี้ต้องอ่านให้จบก่อนถึงจะได้ดูหนัง
เพราะอะไรต้องอ่านหนังสือก่อนถึงค่อยดูหนัง ?
อ้อม : ในความรู้สึกอ้อม สมัยก่อนเราไม่ได้มีหนังดูเยอะ พอเราได้อ่านหนังสือนิยายสมัยก่อน แล้วพอเราได้ไปดูหนังหรือละครที่เขาทำแล้ว มันจะรู้สึกว่าบางเรื่องตรงกับจินตนาการของเรา บางเรื่องมันก็ไม่ได้ตรงกับจินตนาการที่เราวาดฝันไว้ตอนที่เราอ่านหนังสือ แล้วรู้สึกว่าการอ่านอ่านหนังสือมันไม่ปิดกั้นจินตนาการ เราสามารถคิดได้เลยว่าคนเขียนอยากได้คาแรคเตอร์แบบนี้ มันสนุกในการเห็นภาพด้วยสมองของเรา ก็เลยบอกเขาว่าถ้าอยากดูอะไร คุณก็อ่านไป
ใช้เวลาอ่านนานไหมกว่าจะได้ดูหนัง ?
น้องนาวา : ถ้าเป็นเรื่องที่นาวาชอบก็ไม่นาน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พอได้ก็อาจจะนานหน่อย
บ้านนี้โทรศัพท์มือถือกับเด็กวัยรุ่นคิดยังไงบ้าง ?
อ้อม : พอดีมีลูกตอนอายุเยอะ ตอนอายุ 36 แล้วเพื่อนเราก็มีลูกกันไปค่อนข้างเยอะแล้ว เราได้ยินปัญหาของแต่ละคนว่าเด็กจะติดโทรศัพท์ เรามานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี สวนดีกว่า ผลที่มันเกิดอยู่แล้ว คือติดกับไม่ติดมีอยู่แค่นี้ ลองสวนดูไปตั้งแต่เด็กเลย ตอน 4 ขวบ เอาโทรศัพท์ให้ไปเลยหนึ่งเครื่อง คือยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลย เอา..นาวามีโทรศัพท์แล้วนะ เอาไป อันนี้ลองสวนทฤษฎีดู แล้วเขาก็รู้สึกว่าได้แล้ว มันก็ไม่ได้ขวนขวายอยากจะได้ หรืออยากจะดูอะไรในนั้นแล้ว อันนี้ลองดูนะคะ แต่บางบ้านก็อาจจะไม่ได้
แต่พี่อ้อมก็ต้องมีลิมิตใช่ไหม ?
อ้อม : มีลิมิตแต่เขาก็ก็ยังไม่ได้สนใจไง เขาแค่รู้ว่าฉันได้แล้ว แล้วพอได้ไปเราก็มีลิมิตได้ดูวันละเท่านี้นะ
ตอนนั้นนาวาอยากได้ไหม ?
น้องนาวา : ตอนนั้นไม่รู้เรื่องค่ะ
อ้อม : ตอนนั้นเธอมีโทรศัพท์แล้ว พอถึงเวลา ป.5-ป.6 เพื่อนทุกคนมี เขาเฉยมาก แล้วเขาก็ไม่ได้ติดโซเชียลอะไรเลย
คำว่าไม่ติดโซเชียลตัวพี่อ้อมมีวิธีการสอน หรือว่าปล่อยไปเลย?
อ้อม : อาจจะเป็นเพราะว่าตัวพี่ก็ไม่ได้ติดด้วย แต่เวลาเราออกไปทำงานเราก็จะดู พอถึงบ้านแล้วด้วยนิสัยพี่พี่จะทิ้ง พอเข้าบ้านปุ๊บเราวางโทรศัพท์ชาร์จแบต คือพี่ถ้าเข้าบ้านแล้วจะติดต่อค่อนข้างยาก ยกเว้นจะให้โทรศัพท์เข้าบ้าน ก็จะว่าอีกที หรือมีธุระต้องคุยโทรศัพท์ แต่เราก็ก็จะวางไว้ เขาก็ก็จะรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้เล่นซะเยอะเหมือนกัน เขาก็เลยไม่ติดด้วย อันนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลนึง เราก็ลองสวนทฤษฎีว่าให้ไปเลย ก็โอเคอยู่เขาก็ไม่ได้ติด
ทำไมนาวาถึงไม่ติดโทรศัพท์เลย ?
น้องนาวา : เพราะเหมือนแม่ให้ตั้งแต่เด็ก มันจะไม่เหมือนแบบได้ใหม่แล้วมันจะเห่อ
อ้อม : ในฐานะเราเรียนจิตวิทยาด้วยกับการที่เราเป็นนักแสดง เราก็อยากจะรู้ เราก็เลยลองสวนดูว่า จริงๆ มนุษย์เราเป็นนักล่าด้วยส่วนหนึ่ง มีความอยาก เมื่อเราได้ปุ๊บ เราเลิกอยากได้ โดยธรรมดาเลย ผู้หญิง ผู้ชาย ทั่วไป อยากกินอิ่มแล้วก็จบ อยากได้ ได้แล้วก็จบ อันนี้สำหรับบ้านพี่นะ พี่ก็เลยลองแบบนี้ ซึ่งผลมันก็โอเค แต่บางทีก็อยากให้ติดเหมือนกันนะ เพราะบางทีเราอยากเม้าท์ เราก็โยนโทรศัพท์ให้ แป๊บนึงมันเดินมาละ
เห็นว่าล่าสุดโดนแม่บังคับย้ายโรงเรียนหรอ ?
น้องนาวา : ไม่ได้โดนบังคับค่ะ อยากย้ายไปเอง
เห็นว่าตอนแรกอยู่มาแตร์ ?
น้องนาวา : อยู่ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ป.6
ตอนนี้ ม.1 คือย้ายไปโรงเรียนนานาชาติเลย?
น้องนาวา : ค่ะ
ทำไมหนูถึงอยากย้าย ?
น้องนาวา : อยากลองไปอินเตอร์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ อยากรู้ว่าเขาเรียนอะไรกัน
อันนี้เกิดหลังจากที่หนูไปซัมเมอร์มาหรือเปล่า ?
น้องนาวา : ขอย้ายตั้งแต่ก่อนไปค่ะ
อ้อม : คือเขามีความคิดว่าอยากย้ายไปโรงเรียนอินเตอร์ พี่กับพี่อาร์ตก็ถามว่าเอาแน่แล้วเหรอ แน่แล้ว ก็ทำกระดาษมาลิสต์ข้อดี ข้อเสีย ย้ายไปจะเจออะไร เวตกันว่าจะเอายังไง ตัดสินใจพร้อมกันนะ ถ้าจะเดินหน้าย้าย แม่ก็จะต้องปฏิบัติการภารกิจไปดูโรงเรียน ถ้าย้ายก็ย้ายนะ ไม่ตัดสินใจยึดหน้า ยึดหลังนะ พอตัดสินใจลงตัวแล้ว ถามทุกอย่างแล้ว เป็นเราเราไม่ย้ายนะ มันต้องมีเพื่อนแล้วอ่ะ แต่เด็กสมัยนี้เขาไม่เป็นแบบนั้น เขาเป็นเด็กที่ต้องการเปิดโลก ต้องการเรียนรู้ อยากรู้โลกภายนอก ไม่ติดเพื่อน เขาบอกว่า แม่เพื่อนก็ยังเจอได้ ทั้งที่ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน ถ้านาวาย้ายโรงเรียนแล้วเราก็ยังเจอเพื่อนมาแตร์ได้เหมือนเดิมนะแม่ มันไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าเป็นพี่นะตอนอายุเท่าเขาพี่ไม่ทำนะ
เห็นว่าย้ายโรงเรียนช่วงแรกก็มีร้องไห้ ปรับตัวไม่ได้?
อ้อม : พอย้ายเสร็จ พี่ก็เตรียมตัวเขาก่อน เราก็ไปหาข้อมูล พอได้โรงเรียนแล้วว่าเราจะย้ายไปอยู่โรงเรียนนี้ เราก็ไปฝึกฝนเขาก่อน โดยการที่เอาเขาไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ เพราะโรงเรียนมาแตร์เป็นโรงเรียนเก่าเราด้วย เรารู้ว่าโรงเรียนเราดีมาก อยู่ในกรอบ สอนดี สอนทุกอย่าง แต่ถ้าเราย้ายไปอินเตอร์โลกมันพลิกไปอีกแบบ เราก็เลยเอาเขาไปซัมเมอร์ เพื่อให้เขาเรียนรู้ก่อน เดินเรียนเป็นยังไง ทำอย่างนู้น อย่างนี้เป็นยังไง โดยการไปอังกฤษ พอไปอังกฤษกลับมามีความมั่นใจมาก ตื่นเต้นอยากเปิดเรียน แต่พอเปิดเรียนไปวันแรก เป็นยังไงคะ
น้องนาวา : ร้องไห้ เพราะว่าไม่ได้กินเกี๊ยว และไม่ได้เล่นบอลลูนสี นานาชาติเขาเล่นอีกแบบนึงเลย
อ้อม : ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเรียนนะคะ
เรายังปรับตัวไม่ได้ ?
น้องนาวา : ใช่ค่ะ
อ้อม : อาทิตย์แรกต้องให้พี่เลี้ยงทำเกี๊ยวทอดไปให้ เพราะว่ากลับบ้านมาร้องไห้ บอกแม่ว่าไม่มีเกี๊ยวทอดให้กิน และไม่มีใครเล่นบอลลูนสีเลย พี่ฟังแล้วจะหัวเราะก็ไม่ได้ แต่ข้างในขำ แม่ขอโทษ แล้วเราก็ถามลูกเรื่องเรียน เขาก็บอกไม่มีปัญหาอะไรเลย เรื่องเพื่อนก็ไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องการกิน กับการเล่น
นี่เรียนมาจะเทอมนึงหรือยัง ?
อ้อม : 8 วีค
ปรับตัวได้หรือยัง ?
น้องนาวา : ได้แล้วค่ะ
อ้อม : เลิกเรียนแล้วไปไหนกับเพื่อน
น้องนาวา : ทุกวันศุกร์จะไปเซเว่น แล้วก็ไปกินก๋วยเตี๋ยว ป.ประทีป
อ้อม : ไปอินเตอร์นะ แต่กิน ป.ประทีป
เมื่อก่อนเราคุยกันเราไม่อยากให้ลูกไปทัศนศึกษาเลย เราจะส่งคนไปสอดแนมดูลูก แล้วทำไมอยู่ๆ พี่ถึงยอมปล่อยให้ไปเรียนอินเตอร์ หรือไปเรียนซัมเมอร์?
อ้อม : คือว่าเขาเริ่มโตแล้ว ในความรู้สึกพี่ พี่อยากเอาลูกไว้ในความแวดล้อมที่มันคุ้นชิน คือเรารู้ว่าโรงอาหารมาแตร์อยู่ไหน พี่รปภ. อยู่ที่ไหน ทางเข้า ทางออก เรารู้หมด เรารู้ว่าอาจารย์ ครูเป็นยังไง มันถิ่นพี่ พี่เข้านอกออกในได้หมด พี่ก็เอาลูกไปอยู่ที่พี่มั่นใจว่าพี่จะยุ่งได้
แล้วพี่ส่งไปที่อื่นพี่ไปยุ่งแล้วหรือยัง ?
อ้อม : ก็ไปยุ่งบ้าง คือเราก็บินไปส่งเขา แล้วเราก็ไปเช่าบ้านอยู่ข้างๆ โรงเรียน ห่าง 5 นาที แล้วเราก็เช่ารถ ทำเป็นว่าลูกอยากได้อันนั้น อันนี้ ลูกลืมอันนั้น อันนี้ เราก็ขับรถเอาไปให้เขาที่โรงเรียนเพื่อไปดูว่าเขาเป็นยังไง มันจะมีช่วงพักเบรคตอนที่ไปอังกฤษ ก็ไปดูแว๊บๆ แล้วก็ไปอยู่สแตนด์บายหนึ่งอาทิตย์ แล้วพอดีตอนนั้นเรามีละครเราก็บินกลับมา แล้วเราก็บินกลับไปอีกรอบหนึ่ง
พี่ไปเซอร์เวย์ทั่วเลยหรอ ทางเข้า ทางออก อยู่ตรงไหน ห้องน้ำอยู่ตรงไหน ห้องนอนอยู่ตรงไหน?
อ้อม : ก็ไม่ทั่วขนาดนั้น เราก็ไปดูนิดนึงถึงความปลอดภัย โรงเรียนที่เราเลือกเราก็คิดว่ามันดีที่สุด แล้วก็คุณครูน่ารัก เขาบินมาที่เมืองไทยเพื่อมาแนะนำเรา แล้วเอเจ้นท์ที่ดีลกับโรงเรียนให้เรา เขาก็น่ารักมาก เขาดูทุกอย่าง แล้วมีครูพี่เลี้ยงประกบอยู่ตลอดเวลาในระหว่างที่เด็กไทยที่โน่น อย่างบางที่ที่ไปรีเสิร์ชหา เขาจะแบบว่าส่งเด็กเข้าไปเลยจบ มีเวลาโทรมาจบ แต่ที่ที่ไป จะมีครูอยู่สแตนด์บาย ครูไทยเป็นพี่เลี้ยงอยู่กับเขาตลอด มีปัญหาเด็กก็สามารถคุยกับครูไทยได้ เราจะมีเจ้าของอีกคนนึงที่ดูแลเขาก็ไปด้วย แต่เขาบินกลับก่อน
พี่อ้อมเคยเกือบถูกลักพาตัว ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?
อ้อม : อนุบาลค่ะ พ่อก็สอนว่าถ้าไปไหนห้ามไปกับคนแปลกหน้า แล้วตอนเด็กมีคนบอกว่ามีคนฝากดอกไม้ให้ เราก็เดินตามเขาไป เขาเปิดรถตู้ เราคิดได้ในตอนนั้น ว่าเราไม่รู้จักเขา ไม่ควรไปกับเขา พอคิดได้แบบนั้น เราก็วิ่งกลับไปที่โรงเรียน พอแม่มารับกลับบ้าน เราก็เล่าให้แม่ฟัง เท่านั้นแหละ วันรุ่งขึ้นก็มีตำรวจมาดูที่โรงเรียน
แล้วคนที่เข้ามาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ?
อ้อม : จำได้ว่าเป็นผู้ชาย2คน
เข้าไปในโรงเรียนหาพี่อ้อมเลยหรอ ?
อ้อม : ใช่ตอนเด็กๆ แต่ตอนเด็กแม่ก็รับสายด้วยไง มารับแบบ 5 โมงเย็น เด็กเลิกตั้งแต่บ่าย2 เราก็อยู่โรงเรียนถึง 5 โมงเย็น เพราะแม่ทำงานยูนิลีเวอร์ข้างมาแตร์ตอนนั้น
หมายถึงเขาเข้ามาแทรกซึมเหมือนเป็นผู้ปกครองคนหนึ่งแล้วเข้าไปในโรงเรียน?
อ้อม : น่าจะ แต่จำได้ว่ามีภาพรถตู้ แล้วเขาเปิดประตู เอาดอกไม้ เอ๊ะเราไม่รู้จักเขา เราวิ่งเข้าไปในโรงเรียนดีกว่า
Advertisement