ไม่มีใครไม่รู้จักเพลง “ปูหนีบ อิปิอิปิ” เพราะถ้าย้อนกลับเพลงนี้ดังมาก ต้องมาในทุกเทศกาล และดังกระหึ่มไปอีก เมื่อ “ชมพู่ อารยา” เอาไปเต้นในภาพยนตร์ “ไดอารี่ตุ๊ดซี่” รวมไปถึงว่าเพลงนี้ดังจริง เพราะ “ลิซ่า” เต้นในรายการเกาหลี ยิ่งทำให้เพลงนี้กลายเป็นตำนาน แต่น้อยคนนัก ที่จะรู้จักว่าใครเป็นเจ้าของเพลง
ล่าสุดรายการคุยแซ่บShow ได้เชิญ “พร จันทพร (เอิ้นปิกะได้)” เจ้าของเพลงนี้มาเปิดใจ ถึงประเด็น เพลงดังแต่นักร้องไม่ดัง พร้อมความท้าทายอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และปฏิหารย์เกือบตายจากการประสบอุบัติเหตุ
เจ้าแม่เพลงสองแง่สองงาม อย่างเพลง ปูหนีบอีปิ?
“หนูไม่ใช่เจ้าแม่เพลงสองแง่สองงาม แต่คงไม่มีใครทำแบบนี้ ตอนเราไปเที่ยวเกาหลี ที่สถานบันเทิงก็มีเพลงปูหนีบอีปิขึ้นมา เค้าก็ลุกเต้นกันเกือบทั้งร้าน เราก็เต้นร่วมไปกับเขาเลย ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นเจ้าของเพลง แต่เราก็แอบมีความสุขอยู่ในใจ เพราะมันเป็นเพลงของเรา และมันยิ่งทำให้เราภูมิใจเพราะว่าพี่ลิซ่าเอาไปเต้น ก่อนอื่นเลยท่าเต้นนี้มาจากหนังไดอารี่ตุ๊ดซี่ พอมันเกิดท่านี้จากหนังก็เลยทำให้ลิซ่าเต้นท่านี้ ซึ่งเราก็เคยเต้นตามลิซ่า แต่ก็ไม่ได้น่ารักเหมือนลิซ่า”
เพลงนี้ ทำให้ปลดหนี้?
“ใช่เลยค่ะ รอบแรกที่พี่เขาเอาไปเต้นในรายการเกาหลี ทำให้หนูมีงานมากขึ้น คนรู้จักหนูมากขึ้น มีการเรียกร้องน้องพรอยู่ไหน แสดงที่ไหนบ้าง มันทำให้เราปลดหนี้ให้คุณแม่ได้เลย และล่าสุดพี่ลิซ่าก็ไปเต้นที่งานมิตติ้งที่สิงคโปร์ เรามารู้ที่หลังเพื่อน พอตื่นมา เราตกใจมาก เราก็เลยอัดคลิปความดีใจร้องห่มร้องไห้ รอบแรกว่าดีใจแล้ว คราวนี้เค้ามาเต้นรอบสอง เพลงมันอาจจะดับไปแล้ว พอเค้ามาเต้นรอบรอบสองมันทำให้เพลงกลับมาดังอีกรอบ”
“ก็ต้องขอบคุณพี่ลิซ่ามากๆ เลยนะคะ สำหรับพี่ลิซ่ามีความเมตตาให้กับเพลงนี้ หนูอาจจะพูดออกมาเป็นคำพูด อาจจะไม่รู้เรื่อง แต่หนูก็ขอบคุณพี่จากใจหนูจริงๆ”
แต่เราก็ยังน้อยใจในบางเรื่อง ทั้งๆ ที่เพลงก็ดังแล้ว?
“เรื่องที่เราแอบน้อยใจ มันก็มีบางเรื่องว่า เราตั้งใจทำเพลง เราตั้งใจแสดง แสดงออกให้ทุกคนได้เห็นว่าเราตั้งใจมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวล ทำไมทุกคนเหมือนมองไม่เห็นหนูเลย เพลงดังแต่คนร้องไม่ดัง มันมีเหตุการณ์หนึ่ง เราขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แต่เจ้าภาพไม่รู้จักเรา ผู้จัดการก็ขายงานว่าเราก็มีเพลงดัง แต่พอไปถึงหน้างาน เจ้าภาพก็บอกว่าขายบัตรไม่ได้เลย เค้าก็ว่านักร้องไม่ดัง เอามาทำไม แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกัน หนูไม่เสียใจ แต่หนูก็จะบอกตัวเองว่า เราต้องดังให้ได้ ให้เค้ามาง้อเราให้ได้ การทำเพลงเราไม่เคยท้อแท้กับมันเลย”
แต่ก่อนจะมาเป็นนักร้อง เราก็ล้มลุก คลุกคลาน?
“ก็กว่าจะมาเป็นนักร้อง เราก็ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด เราอยู่กับคุณตาคุณยาย เราเริ่มจากการเต้น ก็เลยไปสมัครเป็นแดนซ์เซอร์ที่หมอลำซิ่ง แล้วก็เต้นหารายได้มาเรื่อยๆ อย่างตอนเราเป็นแดนซ์เซอร์แล้ว เค้าก็แต่งเพลง ปูหนีบอีปิ เราก็ร้องโชว์หลายงาน ถ้าเราเต้นเฉยเฉยเราได้วันละ 300 บาท แต่ถ้าเราร้องด้วยเราจะได้ 400 บาท หนูว่าเค้าคงเห็นว่าเราตลกและเพลงมันก็ตลกมันก็เลยเหมาะสมกัน”
เห็นว่าเราไปทำงานโรงงาน?
“หนูก็มองว่าเราออกมาเพลงเดียว แม้คนไม่รู้จักเรา แต่เพลงเราดัง ซึ่งหลายคนทำมาหลายเพลงก็ไม่ดัง เราดีแค่ไหนแล้ว ที่ทำเพลงมาแล้วคนรู้จัก เพราะตอนแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าเพลงดัง เราก็ไปทำงานโรงงาน เพราะพี่สาวก็ชวนไปทำงานเพราะว่าจะได้มีเงินประจำ แต่พอทำไปได้อาทิตย์เดียว ก็มีคนโทรมาบอกว่าเพลงดังแล้ว มัวทำอะไรอยู่ เราก็บอกว่าทำงานโรงงานอยู่ มือเปื่อยหมดแล้ว หน้าดำ หนูก็เลยลาออกจากโรงงาน กลับไปร้องเพลง คิดว่า ถ้ามันจะเสี่ยงไหม มันก็เสี่ยงเพราะว่าถ้าจะโดนหลอกก็คงจะโดนหลอกครั้งนี้แหละ”
อย่างตอนทำงาน ชีวิตตอนนั้นยังไง?
“แล้วตอนทำงานโรงงาน เราก็ยังไม่ได้เงิน ซึ่งตอนนั้นมีอยู่ติดตัว 100 บาท เราก็คิดว่าต้องอยู่ยังไงให้ได้สองวัน เลยคำนวณว่าอาหารอันไหนจะซื้อได้กินพอดี อาหารอะไรที่ราคา 15 บาทแล้วกินได้สองวัน เพราะเราไม่มีปัญญาซื้อข้าวจานละ 60 บาทถามว่ามันอิ่มไหม มันก็อิ่มเพราะเราไม่ได้โหยหาว่าจะต้องกินให้เยอะหรือว่าต้องกินให้อิ่มไม่ได้อยู่เพื่อกิน”
โดนคอมเมนท์ด่ายันแม่?
“พอเราออกมา ตอนแรกที่คิดว่าถ้าโดนหลอกก็คงโดนหลอกครั้งนี้ สรุปแล้วเปล่าเลย และโดนคอมเม้นต์ มันจะมีประเภทหนึ่งที่ทำร้ายจิตใจเรา เค้าว่ามึงทำเพลงแบบนี้ แม่มึงเป็นกระ.... มึงก็เลยเป็นด้วย แอบเสียใจนิดนึง แต่เราก็สู้เพราะว่าแม่เราไม่ได้เป็น เราก็ตั้งรับคิดในทางที่ดี เพราะเค้าด่าเรา แต่เค้าก็ยังมาดูเรา งั้นเราก็เลือกแต่คอมเม้นต์ดีดีแต่ถ้าไม่ดีหรือเค้าเตือนมาเราก็ปรับ”
แต่ตอนเด็กๆ เราก็โดนบลูลี่?
“แล้วพอย้อนกลับไปตอนเด็กเราก็โดนบลูลี่ เรื่องส่วนสูงกับเรื่องสีผิว หนูเป็นคนผิวขำ จนพ่อแม่เรียกกะปิ ก็เหมือนตอนแรกเพลงนี้ ตอนแรกเป็นครูปูหนีบกะปิกะปิ เราก็เลยเปลี่ยนเป็นปูหนีบ อีปิอีปิ สมัยก่อนเราก็คิดเหมือนกันว่าทำไมพ่อแม่ไม่ให้สีผิวเค้าขาวมาเลน แล้วทำไมถึงไม่ได้ส่วนสูงของพ่อมันสลับกันไปหมด น้อยใจพ่อแม่นิดนึง แต่ผิวดำก็ไม่ได้แปลว่าไม่สวยนี่ การที่เค้าบลูลี่เรา เค้าก็ไม่รู้ว่าตัวตนจริงๆ เราเป็นยังไง อย่างคนที่บลูลี่เรา ทุกวันนี้เค้าก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปกว่าหนูเลย ซึ่งเราก็มีชีวิตที่ดีกว่า เขาก็ไม่อยากจะฝากอะไรถึงเขา”
อย่างล่าสุดไปท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์?
“หนูเห็นคลิปเจ้าเข้า เข้าทรง เฮ้ยมันจริงหรอ หนูก็เลยลอง ตอนนั้นไหว้ปู่ที่บึงกาฬ ถ้าปู่มีจริง ปู่ทำให้หนูเห็นหน่อย เป็นการอธิษฐานในใจ พร้อมยกมือไหว้ ถ้ามีจริงหนูก็อึ้ง แต่ถ้าไม่มีจริง เราก็สบาย และพอไปถึงปู่ลือ เราขนลุกถึงหัวหนาวๆ สั่นๆ พราห์มก็บอกว่าขออะไรเสร็จแล้ว ก็เอาหัวไปชนกับพญานาคที่เป็นรูปปั้น แล้วก็อธิษฐานขอพร พอชนปุ๊บวิ่งเข้ามาในหัวเลย ไม่กล้าบอกใครเพราะน้ำตาไหล กลัวคนอื่นว่าเราเป็นบ้า คนอื่นก็ถามว่าเราเป็นอะไร เราก็บอกว่าอยู่ดีๆ ก็เหมือนอยากร้องไห้ จากนั้นก็ไปอีกรอบนึง ไปขอขมาปู่ว่า หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะท้าทาย
แต่แค่อยากเห็นว่าปู่มีจริงไหม แต่โชคดีที่ปู่ไม่ได้ทำอะไรหนู แต่เค้าก็แค่ทำให้รู้สึกว่าเค้ามีจริง และในงานเดียวกัน มันก็มีเหตุการณ์คือเค้าให้ไข่คนละสองฟอง เพื่อกินเป็นความสิริมงคล แต่ด้วยความที่เราหิวมาก เราก็กินของเราสองฟอง ขอคนอื่นมาอีกสองฟอง และขอเพื่อนมาอีกหนึ่งฟอง โดยที่ไม่ได้กินน้ำตาม มันก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งเพราะว่าปกติหนูไม่กินไข่แดง หลังจากนั้นหนูก็ไม่กล้าท้าทายแล้ว”
โดนพระทักว่าจะดัง?
“อีกเหตุการณ์นึงก็โดนพระทักที่จังหวัดหนองคาย แล้วพระก็ทักให้เอาวันเดือนปีเกิด ตอนนั้นโควิดรอบแรกเราไม่มีงานเลย เค้าทักว่าให้เราไปบวชเจ็ดวัน เค้าบอกวันนี้พรุ่งนี้หนูบวชเลย พ่อบวชรู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้น ท่านก็ทำพิธีรับขันธ์ พอเสร็จพิธีท่านก็บอกว่าอีกสองเดือนมึงจะดัง พอผ่านมาสองเดือนพี่ลิซ่าเต้นเพลงนี้ที่รายการเกาหลี ใช่ชมพู่เต้นก่อนแล้วก็ลิซ่าไปเต้น เจ้าภาพก็โทรมาในวันนั้นเลยติดต่อไปงานทันที”
แต่ก็เคยผ่านความตายมาแล้วเกือบหลับแต่กลับ?
“เป็นเรื่องเมื่อปีก่อนมันก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ระหว่างที่รถขับไปแค่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็นั่งแต่งหน้าอยู่ข้างหลัง และเราไม่ได้รัดเข็มขัด สักพักรถชน เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย รถชนแบบประสานงาน เราวิ้งค์ไปเลย ไหปลาร้าแตก แต่คนขับไม่ได้เป็นอะไรเพราะแอร์แบคพอดี
แต่มันก็มีเรื่องประหลาดใจ 10 นาทีที่เราหลับไปเหมือนฝันว่า เราเป็นใคร พ่อแม่ชื่ออะไร เหมือนภาพมันวนมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วภาพมันก็ตัดหายไป มีภาพในหัวได้ยินว่าเอามันขึ้นไป บอกไม่ใช่คนนี้ ก็มีคนเรียกเราจันทพรกลับมา เราสะดุ้งตื่นแล้วก็ร้องไห้ ตรงที่เราเกิดอุบัติเหตุตรงนั้นก็เคยมีคนผูกคอตาย จากนั้นเราก็รักษาตัวอาทิตย์นึง นอนเป็นผัก ห้ามขยับตัวและใช้เวลาอีกหกเดือนกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมปกติ”
อย่างเพลงล่าสุดเลื่อนรถให้หน่อยนะก็โดนดราม่า?
“คนก็จะเม้นว่าทำไมทำเพลงแบบนี้ทำไมทำเอ็มวีแบบนี้ ซึ่งเพลงนี้เราทำไว้ทั้งหมดสามเวอร์ชั่น”
Advertisement