"อยากให้ทุกคนรู้ว่าโอปอลทำเต็มที่แล้ว สู้สุดใจทำสุดความสามารถ อยากให้ทุกคนรับรู้ว่าต่อให้เราไม่ได้มงกุฎ แต่สิ่งที่โอปอลได้ทำ ได้พูดได้มีโอกาสไปยืนอยู่บนเวทีนั้น มันมีค่ามากจริงๆ คงพูดไม่ได้ว่ามันมีค่ามากกว่ามงกุฎแต่สำหรับโอปอลมันมีค่าที่โอปอลสามารถจะช่วยชีวิตคนได้ สร้างความหวังสร้างพลังให้คนได้ เพราะฉะนั้นโอปอลอยากให้ทุกคนดีใจไปพร้อมกับโอปอลในสิ่งที่มันเกิดขึ้น อยากให้ทุกคนเชื่อว่ามงกุฎมันอยู่ในใจโอปอลจริงๆ ค่ะ"
โอปอล สุชาตา ช่วงศรี รองอันดับ 3 Miss Universe 2024 ผู้นำพาความสุขมาให้กับแฟนนางงามได้เชียร์ได้ลุ้นอย่างใจจดใจจ่อกับการประกวด Miss Universe ที่เพิ่งจบไป เปิดใจหลังเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังพลาดมงสามกลับมาฝากแฟนนางงามไทยที่ฝากความหวังให้โอปอลกลับไปเอามงที่ ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน เคยมอบมงให้กับ แองเจลา วิสเซอร์ สาวงามจากประเทศฮอลแลนด์ ที่เป็นผู้ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลปี 1989 ซึ่งครั้งนั้นจัดการประกวดที่ประเทศเม็กซิโก
พร้อมทีมไทยแลนด์ นำโดย แม่ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ประธานบริหารบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด
ดีใจที่ได้กลับบ้านค่ะ หนูอยากกินอาหารไทยมาก (หัวเราะ) นอกจากนี้ก็รู้สึกว่าดีใจกับผลลัพธ์กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ภูมิใจมากๆ ทั้งกับตัวเองและพลังจากชาวไทยด้วย หนูซาบซึ้งมาก ประกวดเสร็จก็มองกลับไปตั้งแต่ตอนประกวดครั้งแรก ประกวดครั้งที่สอง บินออกจากประเทศไทยจนถึงวันสุดท้ายของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส เราได้รับความรักและกำลังใจจากคนไทยเยอะมาก มันเกินกว่าที่เราคิดเอาไว้มาก สิ่งที่ยิ่งกว่าความภาคภูมิใจในผลลัพธ์ของผลงานตัวเอง คือความภาคภูมิใจในความรักที่เราได้รับจากคนไทยทุกคนค่ะ
ตอบคำถามทั้งสองรอบ ด้วยความมั่นใจเต็มร้อย?
มีแอบตกใจนิดนึง หลังจากรอบแรกตอบคำถามแล้วรอบสองใส่หูฟัง เราก็ค่อนข้างมั่นใจในคำตอบของเราพอสมควร ดูจากรีแอคชั่นกรรมการ เสียงเชียร์ ก็คิดว่าคงมีโอกาสได้ไปจับมือ แต่พอประกาศผลออกมาก็ไม่เป็นไร เราก็เคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการและองค์กรค่ะ
ก็มั่นอยู่ค่ะ (หัวเราะ) ก็มั่นใจค่ะ สุดท้ายแล้วโอปอลคิดว่าการตอบคำถามบนเวทีนางงาม มันเป็นคำถามปลายเปิด ไม่มีคำตอบที่ถูกแน่นอนผิดแน่นอน เพียงแค่โอปอลรู้สึกว่าสิ่งที่เราตอบออกไป มันคือสิ่งที่เราอยากบอกกับโลก อันนี้โอปอลพอใจแล้ว สิ่งที่เราอยากให้คนได้ยินว่าเราเชื่อในอะไร หรือว่าเราอยากให้คนได้ยินอะไรจากเรา อันนี้โอปอลโอเค ติ๊กถูก มีความสุขไปแล้ว แล้วเราเห็นที่คนอื่นเขาชื่นชมเรา ดีใจที่ได้ฟังคำตอบของเราแล้วแฮปปี้ ก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าคงมีโอกาส แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้รู้ว่าเพื่อนตอบยังไงในรอบสองหรือคนอื่นคิดยังไงกับคำตอบ เพราะฉะนั้นเรามีความสุข เรามั่นใจ เราหวังให้เราได้
โอปอลดีใจเพราะว่ามันก็ไม่ใช่คำตอบที่เป็นแพทเทิร์นหรือวิชาการ หรือเป็นอะไรที่ผิดหรือถูก มันเป็นสิ่งที่โอปอลสั่งสมมาตลอด เป็นสิ่งที่โอปอลเชื่อ สิ่งที่โอปอลคิด เพราะเวลามันมีน้อยมาก ยอมรับว่าตื่นเต้นมากนะคะ โอปอลแค่เป็นคนที่เก็บอาการได้ดีเฉยๆ แต่ว่าในใจคือตื่นเต้นมากตอนนั้น ดีใจที่คนชื่นชอบคำตอบเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือดีใจที่คำตอบเรามันส่งต่อไปยังหลายๆ คนที่เขากำลังต้องการกำลังใจ ณ ตอนนั้น
ตอบคำถามค่ะ เพราะว่าตื่นเต้น เรารู้สึกว่ามันมีความกดดันค่อนข้างเยอะ ความจริงโอปอลตื่นเต้นทุกๆ รอบนะคะ ยืนตัวสั่นอยู่หลังเวทีก้าวขาเกือบจะไม่ออก แต่ว่ารอบตอบคำถามมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะต้องใช้ไหวพริบ ต้องใช้ความกดดันภายใต้เวลาอันน้อยมากๆ เรารู้สึกว่ามันชาเลนจ์ที่สุด
ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว จนไม่คิดว่ามีจุดไหนที่พลาด
ไม่นะคะ โอปอลคิดว่าโอปอลเต็มที่ที่สุดแล้ว ถามว่าพลาดอะไรไหม ถ้าเกิดว่าล่วงหน้าไปอีกสัก 10 ปี เดินๆ ฝึกๆ อยู่ 10 ปี แน่นอนมันก็ต้องมีพัฒนาการ แต่ ณ ปัจจุบัน โอปอลเต็มที่ในเวอร์ชั่นของตัวเองที่เป็นปัจจุบันที่สุดแล้ว ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปโอปอลไม่ได้อยากแก้ไขอะไรเลย ไม่อยากเดินใหม่ ไม่อยากเดินเปลี่ยนท่า ไม่อยากตอบคำถามใหม่ โอปอลจะทำเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะโอปอลมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปวันนั้น
ถามว่าเสียใจไหม ก็คงเสียใจลึกๆ เพราะมันเป็นความฝันที่เราอยากให้มันเป็นจริง แล้วเราพุ่งเป้ามาที่สิ่งนี้สิ่งเดียวแล้วเราอยากได้ค่ะ แน่นอนไปอยู่ตรงนั้นทุกคนหวังว่าจะชนะ ที่ไม่ชนะก็ต้องเสียใจกันบ้างอยู่แล้ว แต่โอปอลไม่เสียดายเลยสักอย่าง ไม่ใช่แค่รอบไฟนอลหรือพรีลิม ตั้งแต่วันแรกที่เก็บตัว ทุกอย่างโอปอลเต็มที่มากๆ ไม่มีคำว่าเสียดายเลย
มันไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่เป็นคนดูที่เป็นคนตัดสิน เราอาจจะคิดว่าเราดีที่สุดแล้ว มันอาจจะไม่ตรงตามบริบทหรือบางอย่างที่เขาอาจจะมองหาอยู่ก็ได้ ซึ่งอันนี้โอปอลก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะโอปอลไม่ใช่คณะกรรมการไม่ใช่องค์กร แต่สิ่งเดียวที่เราทำได้คือเราเคารพการตัดสินใจของเขา เราเคารพผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วเราเดินหน้าต่อ โอปอลเชื่อว่าต่อไปมันมีอะไรให้โอปอลทำอีกเยอะมาก ให้โอปอลสร้างอิมแพคให้กับสังคมได้ มีอีกหลายอย่างที่โอปอลอยากทำในชีวิต เพราะฉะนั้นมาถึงตรงนี้ได้โอปอลแฮปปี้แล้ว
ชุดวันรอบชุดประจำชาติ
ตอนนั้นยอมรับว่าใจเสียจริงๆ เพราะว่าเราเช็กทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โอปอลให้ช่างผมเขามัดให้ใหม่ เพราะเรามัดเองแล้วเรารู้สึกว่ามันไม่แน่น แล้วเขามัดใหม่มันก็ยังไม่แน่น เราให้เขาแก้ประมาณ 3-4 รอบ ส่วนง้าว โอปอลต่อเองแล้วเช็กความเรียบร้อยประมาณ 3 รอบ แล้วก็ซ้อมด้วย ก็ไม่รู้อาจจะเป็นเพราะว่าการขนส่งมาที่นี่หรือเปล่าอาจจะกระทบตัวล็อกหรือตัวอะไหล่ไหม เราก็แอบตกใจเพราะว่าเราก็ซ้อมพรีเซนต์มาแล้วอย่างดี อยากให้มันออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องยอมรับและไปต่อ แต่ตอนตกก็ตกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่เป็นคนคุมอารมณ์คุมสติบนเวทีเก่ง แต่ยอมรับว่าตกใจมากจริงๆ เพราะตอนเดินอยู่หลังเวที โอปอลเดินส่ายไปส่ายมาก็ไม่หลุด เพราะฉะนั้นก็ได้แต่ The show must go on ค่ะ
ไหว้มง..อยากไหว้ในสิ่งที่เราเคารพ
จริงๆ ต้องบอกว่าเราไม่ได้คิดว่ามีโอกาสได้ขึ้นไปถ่ายใกล้ๆ กับมงกุฎ เพราะด้วยความที่นางงามเรามี 100 กว่าประเทศ แล้วเวทีเล็กมาก ตอนแรกโอปอลเดินเข้าไปถ่ายรูปเพราะเราก็ไม่ได้อยู่ใกล้มงกุฎมาก เราก็เดินเข้าไปทักผู้ใหญ่ ก็ด้อมๆ มองๆ แอบดู แต่เราไม่กล้าเข้าใกล้ แต่สักพักก็มีความรู้สึกว่า เอาวะ คงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้มากกว่านี้แล้ว เพราะฉะนั้นก็เข้าไปไหว้เลย เพราะเรารู้สึกว่าเราอยากไหว้ในสิ่งที่เราเคารพ เราอยากให้มันเป็นของเรา สุดท้ายแล้วถึงจะเป็นหรือไม่เป็นโอปอล ย้อนกลับไปโอปอลก็คงทำเหมือนเดิม เพราะเราเคารพในสิ่งๆ นี้ เรารู้สึกว่ามงกุฎเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และก็เป็นเครื่องหมายของการนำพาค่ะ
"ตอบคำถาม 2 รอบ-ควีนทวีป" คือสิ่งที่นางงามทุกคนรู้อยู่แล้ว
สิ่งนี้มีการบรีฟตั้งแต่ตอนเริ่มต้นประกวดแล้วก็ตอนซ้อมแล้วค่ะ เขาจะเชิญให้นางงามแต่ละคนขึ้นไปซ้อมเข้ารอบไปในรอบต่างๆ ว่าจะมีการตอบคำถาม 5 คนทั้งสองรอบเลย แต่รอบแรกจะได้คำถามจากคณะกรรมการที่จับสลากได้ ส่วนรอบที่สองก็จะเป็นคำถาม TOP3 ปิดหูฟัง แต่เพียงแค่ตอบกันทั้ง 5 คน
ความจริงคุณแอนเขาพูดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วนะคะว่าควีนทวีป 4 คน รวมถึงคนมง จะมีหน้าที่เดินทางรอบโลกไปพร้อมๆ กับคนมง โอปอลรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารับรู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้น เพียงแค่ได้หรือไม่ได้อันนี้ว่ากันอีกทีหนึ่ง อันนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นเกณฑ์ของเขา เราก็ไม่ทราบเบื้องลึกขนาดนั้นว่าเกณฑ์ในการตัดสินว่าเข้าTOP หรือว่าควีนทวีปมันเป็นเกณฑ์เดียวกันหรือคนละเกณฑ์ หรือใช้อะไรในการตัดสิน อย่างที่บอกเราไม่ใช่คณะกรรมการ ไม่ใช่องค์กร เราทำได้แค่ยอมรับแล้วแฮปปี้ โอปอลไม่สงสัย คาใจเรื่องอะไรเลย
กับคนมง Victoria Kjær Theilvig
ความจริงก็คุยกับเขาตั้งแต่วันไฟนอล แต่เราได้คุยกับเขาเยอะมากๆ ช่วงก่อนที่จะประกาศผลค่ะ เพราะว่าอาจจะเข้าไปเดินชุดราตรีลำดับใกล้ๆ กัน แล้วก็เข้า TOP 5 ด้วยกัน แล้วช่วงซ้อมมีทั้งไปทานข้าวกับเขา โอปอลเลยรู้สึกว่าเราได้ส่งต่อพลังบวกอะไรซึ่งกันและกันมาเยอะ
สตอรี่ของเขาก็มีพลัง มีแรงบันดาลใจ อย่างที่โอปอลบอกมันคือบริบทที่เวทีต้องการที่องค์กรต้องการมากกว่า แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่เรารู้แค่ว่าเขาเป็นคนที่จิตใจดีแล้วก็เป็นคนที่สวยงามทั้งภายนอกและภายในจริงๆ อายุเท่ากันด้วย
ความภูมิใจสูงสุดจากการไปประกวดครั้งนี้
ความภูมิใจสูงสุด คือตอนที่ลงจากเวทีกำลังขึ้นรถบัสกลับโรงแรม มีแฟนคลับคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เขาเดินมาหาโอปอลที่รถบัส เดินน้ำตาคลอมาเลย แล้วเขาบอกว่าคุณแม่ฉันเป็นมะเร็งเต้านม เพิ่งผ่าตัดไปสามรอบ ครั้งล่าสุดคือสองวันที่แล้ว แล้วฉันรู้สึกว่ามันหนักมากกับชีวิตของฉัน แล้วเขาฟังคำตอบของโอปอลแล้วมันทำให้เขารู้สึกมีความหวัง มีแรงสู้ โอปอลดีใจมากเลย เพราะสุดท้ายแล้วถึงเราไม่มง แต่เรารู้ว่าคำพูดของเรามันส่งถึงคนอื่น โอปอลคุยกับเขาแล้วบอกเขาว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญนอกจากแม่ของคุณ คุณก็ต้องมีความหวังเหมือนกัน เพราะว่าเราทำงานกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เรารู้ว่ากำลังใจที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว แล้วอีกคนที่ผ่านเรื่องราวหนักไม่แพ้ผู้ป่วยคือครอบครัว เพราะฉะนั้นคุณต้องเข้มแข็งต้องแข็งแกร่ง คอยอยู่ข้างแม่ของคุณ คือเขาร้องไห้ แล้วโอปอลรู้ซึ้งใจและรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว
ความตั้งใจถ้ามีโอกาสทั้งได้รับตำแหน่งหรือไม่ได้รับก็ตาม โอปอลรู้สึกว่าเราสามารถที่จะพูดผ่านเวทีนี้ได้ ซึ่งโอปอลก็ทำมาตลอด ซึ่งนั่นก็คือในเรื่องของโครงการโอปอลนะคะ Opal for Her เรื่องของมะเร็งเต้านม เราก็พูดมาเสมอบนเวที แล้วก็เราก็ดีใจมากที่เรามีโอกาสได้พูด และจะยังคงพูดเรื่องนี้ และทำสิ่งนี้ต่อไป ความจริงเราอยากส่งต่ออะไรเยอะมากเรารู้สึกว่าแค่พูดมันไม่พอ เราอยากให้ทุกคนดูเวทีนี้แล้วเห็นเรา แล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะมีความหวังในเรื่องของการใช้ชีวิต การรักษา การเรียน หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือเห็นโอปอลเป็นแรงบันดาลใจสักอย่างในชีวิตของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดออกไป มันไม่ใช่แค่เรื่องมะเร็งเต้านมอย่างเดียว มันคือทุกอย่างที่เราพูดได้ที่เราอยากพูด
อยากให้ทุกคนรู้ว่าโอปอลทำเต็มที่แล้ว แล้วก็สู้สุดใจทำสุดความสามารถ อยากให้ทุกคนรับรู้ว่าต่อให้เราไม่ได้มงกุฎ แต่สิ่งที่โอปอลได้ทำ ที่โอปอลได้พูดที่โอปอลได้มีโอกาสไปยืนอยู่บนเวทีนั้น มันมีค่ามากจริงๆ ค่ะ คงพูดไม่ได้ว่ามันมีค่ามากกว่ามงกุฎแต่สำหรับโอปอลมันมีค่าที่โอปอลสามารถจะช่วยชีวิตคนได้ สร้างความหวังให้คนได้ สร้างพลังให้คนได้ เพราะฉะนั้นโอปอลก็อยากให้ทุกคนดีใจไปพร้อมกับโอปอลในสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นแล้วมันย่อมดีเสมอ
โอปอลมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่อยากกลับไปแก้ไขอะไร แต่ก็เข้าใจทุกคนว่าคงจะเสียใจ เพราะเราทุกคนก็หวังเนอะ ทุกคนหวังหมดกับการที่ตัวแทนประเทศไทยไปยืนอยู่ตรงนั้น โอปอลเชื่อว่ายังไม่ต้องย่อท้อยังไม่ต้องหมดหวัง เพราะประเทศไทยไม่สิ้นคนสวย ไม่สิ้นคนเก่งแน่นอนค่ะ เชื่อว่าเดี๋ยวมีคนที่ไปสร้างความภาคภูมิใจให้แน่นอน สุดท้ายแล้วอยากให้ทุกคนเชื่อว่ามงกุฎมันอยู่ในใจโอปอลจริงๆ ค่ะ
อยากขอบคุณทุกคนนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ที่คอยส่งพลังแล้วก็ส่งแรงใจให้กับโอปอล โอปอลเชื่อว่าสุดท้ายแล้วการที่โอปอลได้ไปทำหน้าที่ตรงนั้นได้อย่างดีที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพลังและความรักที่ทุกคนส่งมาให้ ที่ทำให้โอปอลเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในสายสะพายของเรา ดีใจมากจริงๆ ที่วันนี้โอปอลได้ทำสำเร็จแล้ว คือทำให้คนไทยทุกคนภาคภูมิใจและดีใจกับผลงานของโอปอลบนเวทีโลก โอปอลซาบซึ้งและดีใจมาก หวังว่าทุกคนจะคอยซัพพอร์ตกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ ไม่ว่าในอนาคตโอปอลจะไปทำสิ่งใด ก็ขอให้ทุกคนคอยสนับสนุนและคอยติดตาม
หลังจากนี้โอปอลก็คงจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ไม่ว่าจะมีบทบาทอะไรเข้ามาในชีวิต แล้วก็คงทำโครงการสานต่อตัวเอง สร้างคุณค่าให้กับสังคมต่อไปให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ค่ะ
Advertisement