จากกรณี ลำไย ไหทองคำ หรือ อ้าย สุพรรณษา เวชกามา นักร้องสาวชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ลำใย ไหทองคำ” ระบุ สถานะโสด พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องมือที่สาม แต่คุยกันแล้วว่าขอจบกันด้วยดีกับแฟนหนุ่ม ศรีสกล สมทรง หรือ ปุ้ย L.กฮ. นักร้องหนุ่ม หลังคบมานานเกือบ 9 ปี
จนต่อมานาย ศรีสกล สมทรง หรือ ปุ้ย L.กฮ. นักร้องหนุ่ม โพสต์คลิปในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ศรีสกล สมทรง” เล่าเหตุการณ์ถึงสาเหตุทุกอย่างที่ทำให้ ลำไย ไหทองคำ ออกมาโพสต์แบบนั้น พร้อมกับปรับความเข้าใจกับ ลำไย ไหทองคำ เรียบร้อยแล้ว ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 68 ลำไย ไหทองคำ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ลำใย ไหทองคำ” อีกครั้ง ระบุว่า สวัสดีค่ะ
-ประเด็นเรื่องที่โพสต์เลิกกับพี่ปุ้ย ยืนยันว่าไม่ได้มีมือที่สามค่ะ ปัญหาเรื่องจุกจิกเล็กน้อยที่เป็นปัญหากันมานาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องแดนซ์ชาย
-เรื่องที่เพจต่างๆ โพสต์เรื่องลำไยกับแดนซ์ชาย คือคุยกันจริงค่ะ แต่คุยช่วงที่ตกลงกับพี่ปุ้ยว่าลองไปใช้ชีวิตแบบไม่มีกันดูค่ะ และเรื่องนี้จบไปพักใหญ่แล้วค่ะ
-สาเหตุที่โพสต์เลิกกันมาจากปัญหาสะสมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรับแก้กันไม่ลงตัวสักที ตามที่เราเคยพูดกันหลายครั้ง เกี่ยวกับปัญหาเล็กๆ น้อย แต่ก็ยังไม่ลงตัว จนมีช่วงที่พี่ปุ้ยไปทัวร์คอนเสิร์ต แล้วลงไปอยู่ใต้ เราได้ตกลงกันว่าเราลองใช้ชีวิตแบบไม่มีกันดูมั้ย จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเรายังต้องการกันอยู่หรือป่าว หรือว่าเราจะคิดถึงกันมั้ยเราอยู่ได้มั้ย ถ้าไม่มีกันอยู่ได้มั้ย ตอนนี้เราอยู่กัน เพราะความรักหรือความเคยชินที่มีกันเฉยๆ แล้วถ้าช่วงที่เราห่างกันไป มีคนเข้ามาแล้วเรารู้สึกโอเคกว่าตอนที่เรามีกันก็บอกกัน เราตกลงกันแบบนี้ ช่วง5-6เดือนที่พี่ปุ้ยอยู่ใต้ ไปๆมาๆบ้าง ถ้าเข้าบ้านส่วนมากจะมาช่วงที่หนูไปงาน ตจว. ระหว่างนี้เราคุยกันน้อยลงจากเดิม แต่ก็ยังถามสารทุกข์สุขดิบกัน และอัปเดตชีวิตกันอยู่เรื่อย
****ช่วงนี้คือช่วงที่ลองคุยกับบอสค่ะ*****
แต่ก่อนจะคุยหนูได้ถามย้ำไปกับพี่ปุ้ยว่าตกลงเรายังไง พี่จะกลับมาอยู่บ้านมั้ย แต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนค่ะ ตอบแค่ว่ายังไม่รู้เลย ตอนนี้ปุ้ยกำลังทำบ้านที่ใต้อยู่ หนูก็เลยบอกไปว่างั้นหนูจะลองคุยกับคนอื่นนะคะ พี่ปุ้ยบอกว่า ถ้าลองคุยแล้วโอเคหรือไม่โอเคก็บอกนะครับ ตอนนี้ปุ้ยไม่ได้มีใคร แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น และไม่ได้โหยหา ปุ้ยเข้าใจขีวิตวัยรุ่น หลังจากนั้นเราก็คุยกับบอส แต่ก็อัปเดตพี่ปุ้ยบ้างว่าเป็นยังไง พี่ปุ้ยก็รับรู้ค่ะ
*****บอสมีแฟนอยู่แล้วทำไมถึงไปคุยได้*****
เริ่มต้นจากที่บอสเข้ามาทำงานสักพัก แล้วเวลากินข้าว หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันในวงด้วยกันแล้วน้องมักจะทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพย์บ่อยๆ จนเกิดการถามกันขึ้นในวง น้องก็เล่าให้ฟังบ้างเรื่องปัญหาที่ทะเลาะกัน และมีวันนึงน้องทักมาหาส่วนตัวจะปรึกษาเรื่องการเต้นบนเวที เพราะมีบางช่วงที่ทะเลาะกับแฟน เพราะการหึงหวงการแสดงบนเวที เราก็รับฟัง และให้คำปรึกษา เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้พูดคุยกันทางแชต
หลังจากนั้นเวลามีอะไรบอสก็จะมาปรึกษาเรื่อยๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว และจะบ่นตลอดว่า เวลาทะเลาะกันชอบโดนแฟนด่าว่าแรงๆ ไม่โอเคเลย ไม่ไหวแล้ว ประมาณนี้ เราก็มีปรึกษาเรื่องความรักของเราไปบ้าง หลังจากนั้นน้องบอกว่าตอนนี้ เลิกกับแฟนแล้ว แต่ยังอยู่คอนโดเดียวกัน เพราะยังตกลงกันไม่ได้เรื่องแมว และยังไม่ได้บอกครอบครัว หลังจากนี้เราก็ได้ลองคุยๆ กันมากขึ้น (เราเข้าใจว่าน้องเลิกกันแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้เลิกกัน) หลังจากนั้นไม่นานแฟนบอสมาเห็นแชตที่คุยกับเราเลยเป็นปัญหา
วันนั้นต้องเรียกคนมาเต้นแทนกะทันหัน ตอนนั้นเรางงๆ ว่าเกิดไรขึ้น หลังจากนั้นบอสก็ได้มาบอกความจริงของเรื่องทั้งหมด หนูเลยไปปรึกษาพี่ปุ้ยและทางค่ายว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำยังไงดี และทางแฟนของบอสได้ติดต่อมาที่ค่ายพอดี ก็คุยกันหาตรงกลางกันว่าจะเอายังไงดี จะให้บอสออกจากวง ให้อภัยกันแล้วคบกันต่อ หรือว่าจะเลิกกัน แล้วให้ทางเราทำยังไงได้บ้างให้ซอฟต์ต่อความรู้สึกของทุกฝ่าย
สรุปได้ว่าแฟนบอสขอเรียกเงิน 10 ล้าน ทางค่ายคิดว่ามันเยอะเกินไป เลยเสนอใหม่ว่าสามารถจ่ายให้ได้ 2 ล้านน้องผู้หญิงโอเคมั้ย น้องก็ตกลงว่ารับเงิน 2 ล้านไปแล้ว ต่างคนต่างอยู่ น้องก็จะไปเรียนต่างประเทศ ไม่ได้ติดใจอะไรกันก็แยกย้ายกันไป ส่วนบอสที่ต้องทำงานต่อ เพราะต้องทำงานใช้หนี้ทางค่าย หลังจากนั้น หนู พี่ปุ้ย บอส ก็มาคุยกัน พี่ปุ้ยก็คุยกับบอสว่าให้ทำงานใช้หนี้ต่อได้ เป็นอันว่าจบปัญหาตรงนี้ไป
-หลังจากเรื่องบอสจบไป หนูกับพี่ปุ้ยก็มาเปิดใจคุยกันอีกครั้ง สรุปได้ว่าตอนอยู่ด้วยกันน่าจะโอเคกว่า เลยลองมาปรับกันอีกที เพราะเดินด้วยกันมาไกลแล้ว และก็ยังมีความผูกพันห่วงใยกันอยู่ หลังจากนั้นพี่ปุ้ยก็กลับมาอยู่บ้าน เราก็พยายามปรับกันให้มากขึ้น แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่ทำให้เราน้อยใจอยู่บ้าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ปล่อยผ่านไปบ้าง เพราะเรื่องดีๆ เราก็มีร่วมกันเยอะมาก จนมาถึงช่วงวันเกิดที่ผ่านมา พี่ปุ้ยรับปากว่าจะมางาน เตรียมชุดเตรียมของเรียบร้อย พอถึงช่วงเป่าเค้ก หนูยังไม่เห็นคนที่บ้านมาถึงงานเลย ทั้งแม่ทั้งพี่ปุ้ย หนูเลยโทรไปถาม สรุปว่าพี่ปุ้ยบอกว่าปุ้ยไม่ไปแล้ว แล้วก็บอกว่าจะให้คนมาส่งแม่ ซึ่งถึงเวลาเป่าเค้กแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าโกรธมากๆ แต่แขกก็มางานเยอะ ก็เลยปล่อยผ่านไปก่อน
หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มตึงๆกัน คุยกันน้อยลง ทำอะไรนิดหน่อยก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น จนวันที่ได้โพสต์ข้อความลงเฟซ ก่อนจะโพสต์ได้ถามกันอีกทีว่าเราจะเอายังไง สรุปคือเราปรับกันไม่ได้แล้วใช่มั้ย ต่างคนก็ต่างไม่ยอมกัน น่าจะด้วยอารมณ์บวกกันการประชดประชันกัน พอได้คำตอบก็เลยโพสไปตอนนั้นเลย
หลังจากโพสต์ไปไม่นาน พี่ปุ้ยก็โทรมาขอปรับความเข้าใจอีกครั้ง ซึ่งเราทั้งคู่ก็อารมณ์เย็นลงแล้ว สรุปได้ว่าเราขอลองปรับตัวเข้าหากันอีกรอบค่ะ
Advertisement