Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โจทย์ใหญ่ของคนถือลิขสิทธิ์ ผ่านยุคสมัยของ MUT ในมุม“หนุ่ม นันท์นภัทร”

โจทย์ใหญ่ของคนถือลิขสิทธิ์ ผ่านยุคสมัยของ MUT ในมุม“หนุ่ม นันท์นภัทร”

10 มี.ค. 68
23:30 น.
|
21
แชร์

เปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์ครั้งสำคัญที่แฟนนางงามต่างคาดหวังและเฝ้าจับตา สำหรับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เวทีประกวดนางงามที่มีมายาวนานและเป็นเวทีส่งตัวแทนสายสะพายไทยแลนด์ไปชิงมงกุฎนางงามจักรวาล ซึ่งประเทศไทยเคยประสบความสำเร็จบนเวทีโลกมาแล้ว 2 ครั้ง โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อ "บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล" เจ้าของเวทีมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลและมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ได้กลายผู้ถือลิขสิทธิ์มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนใหม่ แทน "แม่ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" แห่ง TPN Global

อมรินทร์ออนไลน์ สัมภาษณ์ "พี่หนุ่ม นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม" กูรูนางงามคนดังที่ติดตามการประกวดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 และเห็นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคมาโดยตลอด พร้อมมองโจทย์ใหญ่ของ MGI ที่น่าจับตาหลังจากนี้ในการเข้ามาเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

หนุ่ม นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม กูรูนางงาม

ย้อนจุดกำเนิดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเราได้ยินคำนี้เมื่อปี 2543 โดยคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถือลิขสิทธิ์ของการประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้วก็ตั้งเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ในปี พ.ศ.2543 แต่ก่อนหน้านั้นการประกวดมิสยูนิเวิร์สผูกพันอยู่กับกองประกวดนางสาวไทย เนื่องจากว่าในยุคแรกๆ เลยสาวงามคนแรกที่ได้ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สเกิดขึ้นในปี 1954 โดย "แม่อัม อมรา อัศวนนท์" สองปีต่อมาก็เป็น "คุณสดใส วานิชวัฒนา" หรืออาจารย์สดใส พันธุมโกมล แต่ 2 ครั้งนี้ยังไม่ได้เป็นทางการนะ ของคุณอมราคุณพ่อส่ง ในขณะที่อาจารย์สดใสท่านเรียนอยู่ที่สหรัฐอยู่แล้ว ก็เลยส่งตัวเองเข้าประกวด

อมรา อัศวนนท์ ตัวแทนประเทศไทยคนแรกเข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์ส

แต่การส่งสาวไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์สอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกเกิดขึ้นปี พ.ศ. 2508 หลังการประกวดนางสาวไทยกลับมาจากที่หยุดพักไปนานถึง 10 ปี (ระหว่างปี พ.ศ. 2497-2507) โดย "คุณปุ๊ก อาภัสรา" ได้ตำแหน่งนางสาวไทยแล้วมีลิขสิทธิ์ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สต่อ ถือเป็นสาวไทยคนแรกที่ไปประกวดอย่างเป็นทางการ โดยตอนนั้นลิขสิทธิ์ของกองประกวดมิสยูนิเวิร์สอยู่ที่สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธ ซึ่งเป็นคนจัดนางสาวไทยและจัดต่อเนื่องมาจนปี พ.ศ. 2516 ก็หยุดไป โดยที่ช่วงนั้นมีคำว่านางสาวไทยจักรวาลเกิดขึ้น ปี พ.ศ. 2517 จนถึง 2526 ในยุคนั้นผู้ถือลิขสิทธิ์คือ "คุณศักดิ์ จาตุรจินดา" นักธุรกิจซึ่งจัดการประกวดนางงามหลายๆ เวที มีนางงามในยุคนั้นอยู่ประมาณ 10 คน จบสุดท้ายที่ "จินดา เนินกร่าง" เมื่อปี พ.ศ. 2526

พอมาเป็นปี พ.ศ. 2527 ก็จะเป็น "คุณสาวิณี ปะการะนัง" ซึ่งตอนนั้นลิขสิทธิ์ตกไปอยู่กับ "คุณชาติเชื้อ กรรณสูต" พอท่านไม่อยู่ก็ส่งต่อให้คุณสุรางค์ซึ่งเป็นน้องสาว ถือมายาวนานมาจนถึงปี พ.ศ. 2543 ก่อนจะแยกออกจากนางสาวไทย คุณแดงที่ถือลิขสิทธิ์ก็แยกออกมาแล้วตั้งเวทีใหม่ชื่อว่า "มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส" โดยมี "คุณเหน่ง กุลธิดา เย็นประเสริฐ" เป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สคนแรกของยุคนั้น คุณแดงก็ถือเรื่อยมาจนเมื่อ 5-6 ปีก่อนหน้านี้ ก็จะเป็น "แม่ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" มาถือลิขสิทธิ์ต่อ

กุลธิดา เย็นประเสริฐ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สคนแรก

การเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จในแต่ละยุค

ในยุคแรกๆ ที่เป็นวชิราวุธฯ พี่ว่าก็คงจะเป็นลิขสิทธิ์ปีต่อปี เพราะว่าทำมาแค่ 5-6 ปี พอบ้านเมืองเราไม่สงบก็ไม่มีการส่งประกวดต่อ แต่เมื่อคุณศักดิ์มาเชื่อมเอารอยต่อตรงนี้ 10 ปีที่คุณศักดิ์ถือลิขสิทธิ์การประกวดต้องบอกว่าเป็นความกล้าหาญชาญชัย เพราะในยุคนั้นบ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสถานะที่สงบ แต่คุณศักดิ์ก็ยังพยายามที่จะต่อเนื่องการประกวด พี่มองว่าเป็นความกล้าหาญและเป็นการมองเห็นโอกาสที่สามารถจะทำเอนเตอร์เทนเมนต์บางอย่างให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ถึงแม้ว่าบ้านเมืองตอนนั้นจะอยู่ในสภาวะที่ไม่สงบก็ตาม

พอเปลี่ยนผ่านไปถึงวชิราวุธฯ ในยุคของคุณอาภัสรา ไปประกวดปี 1965 ถึงปี 2516 ซึ่งเป็นคุณกนกอร บุญมา เป็นคนสุดท้าย ยุคนั้นเราถือกันว่าเป็นยุคประชาสัมพันธ์ประเทศ อย่าลืมว่าตอนนั้นคนต่างประเทศแทบจะไม่รู้จักประเทศไทย บางคนคิดว่าประเทศไทยเป็นไต้หวันหรือเปล่า แม้กระทั่งว่าเมืองไทยยังขี่ช้างกันอยู่ไหม สาวงามในชุดนี้ตั้งแต่คุณอาภัสรา คุณจีรนันทน์ คุณอภันตรี คุณแสงเดือน จนจบที่คุณกนกอร บุญมา ถือเป็นสาวงามที่ไปสร้างภาพลักษณ์อีกแบบหนึ่งให้ต่างชาติได้เห็นว่าประเทศไทยก้าวหน้าไปถึงไหน

มาถึงยุคคุณชาติเชื้อในยุคแรกก็เป็นการประกวดอย่างเป็นทางการมากๆ เป็นการประกวดที่ในยุคหนึ่งมีคนตั้งชื่อการประกวดในยุคนั้นว่ายุคเพื่อการพาณิชย์ เพราะเริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง บางปีเป็นสบู่บางปีเป็นสินค้าอื่นๆ แล้วก็เริ่มมีสายสะพายที่เป็นสายสะพายของสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เลยเรียกว่าเป็นยุคของการพาณิชย์ เรารู้จักว่าการประกวดนางงามสามารถจะทำให้เป็นอุตสาหกรรมได้ สามารถทำเงินทำรายได้ได้

พอถึงปี พ.ศ. 2543 คุณแดงเห็นโอกาสว่าลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์สนอกจากจะใช้เพื่อการพาณิชย์แล้ว ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศผนวกรวมกันไปด้วย พี่ว่าเป็นยุคที่สวยงามมากๆ ยุคนึง อย่าลืมว่ายุคนั้นคุณสุรางค์จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ โดยใช้โอกาสบนเวทีของการประกวดประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ ที่นางงามไปเก็บตัว กิมมิคของการประกวดยุคนั้นคือเวทีแบบโครงสร้าง ถ้าไปใต้คุณสุรางค์จะยกหมู่เกาะขึ้นมาอยู่บนเวที เราจะเห็นความสวยงามของประเทศไทยในจังหวัดต่างๆ ที่นางงามไปเยี่ยมเยียนอยู่บนเวที พี่ว่าตรงนี้มูลค่ามหาศาล

แต่ละปีแต่ละยุคแต่ละสมัย ก็มีมิชชั่นที่แตกต่างกันออกไป พอมาถึงยุคของคุณปุ้ย ปิยาภรณ์ มิชชั่นของคุณปุ้ยคำแรกที่เราได้ยินที่คุณปุ้ยซื้อลิขสิทธิ์มา 5 ปี อย่างแรกที่เราได้ยินและจำได้จนถึงวันนี้ก็คือ "มงสามมาแน่" ดังนั้นจุดมุ่งหมายของคุณปิยาภรณ์คือการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศผ่านการประกวด ผ่านแพลตฟอร์มการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ โดยมีมงกุฎที่สามของจักรวาลเป็นเป้าหมาย

ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น ตัวแทนคนแรกในยุค TPN

ดังนั้นความสำเร็จในแต่ละยุคก็เป็นความน่าภาคภูมิใจในแบบที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นถ้าเราพูดถึงในยุคแรกนางงามทั้งสองท่านไปประกวด ปีแรกคุณอมราได้รับเกียรติให้แสดงภาพยนตร์ The most Beautiful Girl of the World โดยคัดเลือกจาก 15 สาวงามเพื่อไปแสดงภาพยนตร์สั้นโปรโมทการประกวดมิสยูนิเวิร์ส แล้วก็ได้ถ้วยรางวัลเล็กๆ มาหนึ่งอัน อันนั้นพี่ถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นแรกและเป็นถ้วยรางวัลแรกของประเทศไทย หรืออาจารย์สดใสท่านได้ตำแหน่ง Miss Friendship โดยผู้เข้าประกวดทั้งหมดโหวตให้อาจาย์สดใส มีหนึ่งเดียวที่ไม่ได้โหวตคือตัวเอง

พอมาถึงยุคที่ส่งไปประกวดอย่างเป็นทางการซึ่งตรงกับ 1965 ที่คุณอาภัสราไปเป็นท่านแรก คุณอาภัสราก็ได้มงกุฎมิสยูนิเวิร์สคนแรกของประเทศไทย ปีถัดมาคุณจีรนันทน์ เศวตนันทน์ ก็ไปได้รองอันดับสองกลับมา คุณอภันตรีไปก็เข้ารอบสุดท้ายรวมทั้งเข้ารอบ 15 คนสาวงามที่ได้ชุดราตรียอดเยี่ยม ปี 1969 คุณแสงเดือน แม้นวงศ์ ไปประกวดก็ได้ตำแหน่งชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย

จนมาถึงยุคของคุณชาติเชื้อ ส่งไปคนแรก "คุณเอ๋ สาวิณี ปะการะนัง" เข้าถึงท็อป 10 โดยได้ตำแหน่งแรงค์กิ้งเป็นอันดับที่ 6 ซึ่งน่าภาคภูมิใจมาก ในปีถัดๆ มาก็มีสาวงามหลายคนที่สามารถผ่านเข้ารอบโดยเฉพาะในปี 1988 ที่ "คุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์" ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สก็คือได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สมงกุฎที่สองมาฝากคนไทยอีก จนมาถึงยุคของแม่ปุ้ย ก็คือเป็นอีกยุคหนึ่งที่เรามีความสุขกับการชมการประกวดนางงามมากๆ โดยเฉพาะสองคนหลัง "แอนโทเนีย โพซิ้ว" กับ "โอปอล สุชาตา" ก็ได้ตำแหน่งรองทั้งคู่ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากๆ ก็เป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ส่วนผู้ถือลิขสิทธิ์รายล่าสุดเราก็รอดูกันต่อไปว่าจะทำผลงานได้ดีขนาดไหน ซึ่งทุกๆ คนเมื่อมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นก็หวังว่ามงสามคงจะมาสักที อาจจะมาถึงในยุคนี้ก็ได้

โอปอล สุชาตา ช่วงศรี

เปลี่ยนผู้ถือลิขสิทธิ์ใหม่

วันนั้นประมาณเที่ยงวัน ทุกคนก็ยังอยู่ในอาการคลุมเครือว่าลิขสิทธิ์นี้แม่ปุ้ยจะได้กี่ปี เพราะไม่มีชื่ออื่นเลย อาจจะมีชื่ออื่นที่พูดถึงอย่างเช่น เอมมี่ มรกต ก็อยากจะมีโอกาสได้จัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์สักครั้ง หรือแม้กระทั่งมีชื่ออื่นๆ ที่เราเคยได้ยิน ไม่ว่าจะเป็น คุณเต้ จากกันตนา คุณนวลพรรณ ล่ำซำ ยังถูกนำมาพูดถึง ยังไม่นับไปถึงช่องทีวีอื่นๆ ที่เราเคยได้ยินเป็นข่าวลือมาโดยตลอดเพราะว่ายังไม่มีการประกาศชื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ ก่อนหน้านั้นพี่มีโอกาสได้พบคุณปุ้ยในการประกวดนางสาวไทย ก็ได้มีโอกาสพูดคุยแน่นอนเรื่องที่เราพูดคุยก็ไม่พ้นลิขสิทธิ์ คุณปุ้ยก็ได้แต่บอกว่ารอก่อน เพราะว่ามันมีรายละเอียดในสัญญาบางตัวที่ยังไม่ชัดเจน เอกสารทั้งหมดเสร็จแล้ว แค่รอต่างคนต่างว่างมาเซ็นสัญญา ก็รับทราบกันแค่นั้น

ปรากฎว่าพอเช้าวันที่ 16 ข่าวในโซเชียลออกมาแล้วว่าผู้ถือลิขสิทธิ์เป็น "คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล" จาก MGI จนกระทั่งข่าวออกมาว่าเป็นเรื่องจริง เป็นการจับมือกันระหว่าง MGI และ JKN โดยคุณแอน ก็โอเค อย่างแรกเลยคือเรารู้ตัวแล้วว่าใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในปีนี้และอีก 4 ปีข้างหน้า อันที่สองคือ เอ๊ะ แล้วการประกวดจะเหมือนกับ MGI ไหม กองประกวดเราจะยังเป็นภาพลักษณ์ของ MUT หรือเปล่า หรือว่าการประกวดจะรันไปแบบไหน

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล

โจทย์ใหญ่สำหรับ MGI ในการเข้ามาทำ MUT

สำหรับพี่ MGI มีความโดดเด่น เนื่องจากว่า MGI ไม่เคยมีแพลตฟอร์มอะไรมาก่อนเลย เกิดขึ้นโดยเจ้าของลิขสิทธิ์คนเดียว ดังนั้นรูปแบบจะเป็นแบบไหนอยู่ที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้นำไป ดังนั้นภาพก็เลยออกมาชัดเจนว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลคนเดียวและทีมงานของท่าน ในขณะที่มิสยูนิเวิร์สหรือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งเป็นรอยต่อมาจากนางสาวไทยมีแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นมีมาตรฐานมีแบบฉบับของกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ซึ่งเป็นฉบับดั้งเดิมสืบเนื่องกันมาหลายสิบปี ดังนั้นสำหรับพี่มีความรู้สึกว่าแบบฉบับนี้อาจจะถูกส่งต่อใช้ต่อโดยผู้จัดคนใหม่ ในขณะที่เขาจะแยกกองประกวดสองอย่างนี้ กองประกวด MGI จะเป็นเหมือนเดิม ในขณะที่ MUT ก็มีแบบฉบับของ MUTเอง อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างตามเจตนาของผู้ถือลิขสิทธิ์

พี่รู้สึกว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งใหม่ๆ ย่อมเกิดขึ้นเสมอ คนเรายังเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวลิขสิทธิ์หรือว่าการประกวดนางงามก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แค่เราที่เป็นคนดูอาจจะชินกับรูปแบบนี้ อย่างพี่ดูมาทุกยุคทุกสมัย ติดตามการประกวดมานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ก็มีความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ปีนั่นแหละ หน้าปกเหมือนกันหมด เรารู้อยู่แล้วว่าการประกวดนางงามคืออะไร มีการแถลง รับสมัคร คัดเลือกข่าว ทำกิจกรรม ไฟนอล เตรียมตัวไปประกวดนางงามจักรวาล ไทม์ไลน์มันเหมือนกันหมดมีแค่ไส้ในที่แตกต่างกันออกไป

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล และ จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์

ดังนั้นเมื่อเราชินกับไส้ในของคุณแดง สุรางค์ สำหรับพี่การประกวดในยุคของคุณสุรางค์ พี่ขอเรียกว่าเป็นยุคของผู้ดีจัด เป็นผู้ดีจัดให้เราชม การประกวดทุกอย่างดูเป็นผู้ดี มีแบบแผนของความงดงามและเป็นที่จดจำ เราเสพความเป็นผู้ดีมาโดยตลอดในยุคนั้น แต่พอมาถึงยุคคุณปิยาภรณ์ปั๊บ มันเป็นปีของความสนุก เปลี่ยนรูปแบบ ปีแรกพี่อาจจะงงๆ หน่อย พอปีถัดมามันเป็นการประกวดที่เข้าไปสู่ Era ใหม่ยุคสมัยใหม่ แล้วไส้ในของการประกวดเราเกิดคำว่าคีย์เวิร์ดก็ในยุคนี้ เราสนุกกับรอบคีย์เวิร์ดมาก จนรู้สึกว่าการประกวดนางงามมันต้องแบบนี้สิ ผู้หญิงทั้งหมดผ่านเข้ารอบมาแล้วแต่ทีนี้เราจะแยกความแตกต่างผู้หญิงที่สวยยังไงต่อจากนี้ ดังนั้นพอมาถึงคีย์เวิร์ดปั๊บ เราจะนั่งรอดู ดูว่าไม่ใช่ใครตอบได้นะ เราจะรอดูว่าใครพลาด (หัวเราะ) ใครจะเป็นมีมในปีนั้น พี่ไม่ได้ใจดีว่าใครจะตอบได้ดี พี่จะดูว่าใครพลาด เพราะมันก็เป็นเรื่องของความสนุกเนอะ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคของคุณปิยาภรณ์ ก็เป็นความสนุกในแบบของ TPNG ซึ่งเราชินกับท่านมา 5 ปี

ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก

พอมาถึงยุคล่าสุดเราก็ต้องรอดูกันต่อไปเพราะว่าเหตุการณ์มันยังไม่เกิดขึ้น แต่พี่ก็เชื่อว่าจะสนุกไม่แพ้กับ MGI ที่ท่านจัด อย่าลืมนะว่า MGI แฟนคลับเยอะ ถ้าแฟนคลับเยอะนั่นแสดงว่าจะต้องมีคนชอบคนติดตาม ถึงได้มีฐานแฟนคลับที่ค่อนข้างจะเหนียวแน่น ดังนั้นพอมาทำ MUT ก็เป็นการบ้านเป็นอีกหนึ่งโจทย์ เป็นโจทย์ยากที่ทางทีมงานของ MGI จะทำให้การประกวดอันนี้สนุกและจะแยกความแตกต่าง หรือสร้างความแตกต่างระหว่างสองการประกวดซึ่งเป็นเจ้าของเดียวได้อย่างไร

คนดูจะต้องสนุกยิ่งกว่า เพราะว่าคนดูรู้จักนางงามจาก MGI เกือบทุกคนอยู่แล้ว การปรับจาก MGI มาเป็น MUT มีความท้าทาย เพราะว่าทั้งสองเวทีบริบทของนางงามไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่คนดูสนุกก็คือจะต้องดู MGI ให้เป็น MUT อย่างไร ดูนางงามสองค่ายนี้ให้มีความสุขอย่างไร แล้วก็คอยลุ้นว่าจาก MGI มาเป็น MUT ได้เนียนแค่ไหน ได้เหมาะสมแค่ไหนได้น่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน สนุกแน่ๆ

ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025

ผิดไหม? นางงามยุคนี้ต้องไลฟ์ขายของ

สำหรับการให้นางงามเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือเป็นแม่ค้าออนไลน์ สำหรับพี่ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร เพราะว่าพี่เข้าใจถึงเทรนด์ของการมีชีวิตอยู่ของคนในยุคนี้ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากๆ สำหรับพี่ บางคนมาประกวดเพราะอย่างน้อยได้ชื่อได้นามสกุลเพื่อนำไปต่อยอดการทำธุรกิจของตัวเองด้วยซ้ำ พี่ว่ายุคนี้เป็นยุคที่ทุกอย่างเปิด เปิดโอกาสสำหรับทุกๆ คน เป็นยุคของการเปิดโอกาส สำหรับพี่โอเค ถ้ามีการเรียนการสอนให้เป็นแม่ค้าที่เก่ง รู้จักทริค เทคนิคของการขายออนไลน์ พี่ว่ายิ่งดีด้วยซ้ำ

พี่ว่าแพลตฟอร์มนี้แข็งแรงอยู่แล้ว เราเห็นสุภาพสตรีบางคนที่เพิ่ง Road to สามารถที่จะขายสินค้าได้เป็นล้านด้วยซ้ำ ทางกองประกวด MGI มีความเป็นมืออาชีพในการต่อยอดทางธุรกิจ ที่จะนำแพลตฟอร์มของการทำธุรกิจมาอยู่ใน MUT ก็เป็นเรื่องปกติของการประกวดในยุคนี้ก็ว่าได้

สิ่งที่อยากเห็นและไม่อยากเห็นใน Era ใหม่ของ MUT

สำหรับผู้ถือลิขสิทธิ์คนใหม่ พี่ไม่กังวลในด้านโปรดักชั่น เพราะ MGI จุดเด่นจุดแข็งที่สุดอันแรกเลยคือโปรดักชั่นสวยมาก และพี่คิดว่ายังสวยกว่าการประกวดมิสยูนิเวิร์สในยุคก่อนนี้หลายๆ ครั้ง สุภาพสตรีที่ขึ้นไปยืนบนโปรดักชั่นแบบนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องมีความภาคภูมิใจมากๆ ดังนั้นพี่อยากจะเห็นโปรดักชั่นอลังการยิ่งใหญ่แบบนี้ใน MUT ซึ่งพี่เชื่อว่าพี่จะได้เห็นแน่ๆ สอง "ไส้ใน" พี่ว่าแพคเกจเป็นแพคเกจ MUT จะรอดูว่ากิมมิคหรือไส้ในที่ซ่อนอยู่ในการประกวดอันนี้จะมีความแตกต่างจาก MGI อย่างไร

แน่นอนพี่ต้องรอชมแน่นอน โดยเฉพาะในรอบไฟนอล ทำไมพี่จะไม่ดูละ เพราะว่า โปรดักชั่นการจัดการประกวดครั้งหนึ่ง ไม่ได้ใช้เงิน 5 บาท 10 บาท แต่ว่าใช้เงินหลาย 10 ล้าน ในการเนรมิตรฮอลล์ให้เป็นเวทีการประกวด แสง สี เสียง ต้องเต็มต้องครบ กำลังคน ที่เขาใช้ไปเท่าไร 77 จังหวัด ถ้าถอดออกมาเป็นแต่ละจังหวัดที่ลงทุนไปที่ส่งนางงามเข้ามาประกวด ถ้าเอาทั้งหมดมากองรวมกันมันไม่เป็นพันล้านหรอ ในโปรดักชั่นของวันนั้น สิ่งต่างๆ บริบทของแต่ละจังหวัดที่มารวมกันตรงนั้นคนดูเอยอะไรเอยมูลค่าในวันนั้นมันเป็นพันล้านนะ แล้วพี่จะพลาดแม้แต่วินาทีเดียวได้ยัง

พี่ว่าทุกการเปลี่ยนแปลงมันจะมีเรื่องใหม่ๆ เราแค่เป็นคนดู สำหรับพี่มีความรู้สึกว่า wait and see คือรอแล้วก็จะรอชมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตัวพี่เองพี่ผลักเร็ว หมายถึงว่าพี่รู้แล้วว่ายุคของคุณปิยาภรณ์จบแล้วนะ เรากำลังอยู่กับผู้ถือลิขสิทธิ์ในยุคใหม่ ดังนั้นใจพี่ค่อนข้างสงบและรอคอยว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เรายังไม่เคยได้เห็นแผนงานยังไม่ได้เห็นอะไรเราจะซีเรียสไปทำไม ถ้าการประกวดไม่สามารถจะสร้างความสุขให้ได้ ก็ไปดูอย่างอื่น เราแค่ดูเพราะการประกวดนางงามเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ถึงแม้ว่าจะเป็นการแข่งขันก็แล้วแต่ เดี๋ยวรอดูว่าเขาเริ่มประกวดแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แล้วเราเอ็นจอยไปโมเมนต์ที่เขากำลังจะสร้างให้เราชมดีกว่า ในฐานะที่เป็นคนดูเนอะ พี่ว่าคิดแบบนี้จะสบายใจกว่า

พี่รู้สึกว่าสำหรับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็มีแบบฉบับของตัวเองเนอะ อย่างที่พี่บอกว่าพี่โตมากับการประกวดในยุคของคุณสุรางค์ที่บอกว่าเป็นยุคผู้ดีจัดให้คนชม ดังนั้นพี่รู้สึกว่าแบบฉบับนี้เป็นแบบฉบับสวยงามในยุคของพี่เนอะ แต่พอมาถึงยุคนี้มันอาจจะใช้ไม่ได้แล้วกับความทันสมัยของคนในยุคนี้ สำหรับพี่เองสิ่งที่พี่ไม่อยากเห็น คือ การแนะนำตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกเวทีหนึ่ง ไม่อยากให้นำมาใช้ในอีกเวทีหนึ่ง เพราะว่าเหมาะสำหรับเวทีที่จัดอยู่แล้ว สำหรับ MUT พี่ขอใช้คำว่าเป็นความสวยคลาสิก เป็นความงดงาม เป็นความน่าติดตามในแบบคลาสิก สำหรับพี่สิ่งที่ไม่อยากเห็นมีแค่นี้

ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025

"เข้าใจว่าพอผู้หญิงมาประกวดกันเยอะๆ จะต้องสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองอะไรแบบนี้ เนื่องจากว่าเรามีแบบฉบับเดิมของเราเองที่ส่งทอดกันมา ถ้ายังรักษาขนบหรือรักษาสิ่งเดิมที่มันดีอยู่แล้วได้ก็รักษา อะไรที่คิดว่าเป็นกิมมิคที่ใส่ลงไปแล้วทำให้การประกวดนางงามนั้นน่าสนใจมากขึ้น หรือเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น พี่จะรอดูอันนี้มากกว่า" หนุ่ม นันท์นภัทร กล่าว

Advertisement

แชร์
โจทย์ใหญ่ของคนถือลิขสิทธิ์ ผ่านยุคสมัยของ MUT ในมุม“หนุ่ม นันท์นภัทร”