Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จากหนังตะลุงสู่ชุดบนเวทีมิสทิฟฟานี่ ไอเดียสู่ความสำเร็จของ MANIRAT

จากหนังตะลุงสู่ชุดบนเวทีมิสทิฟฟานี่ ไอเดียสู่ความสำเร็จของ MANIRAT

29 มี.ค. 68
23:45 น.
แชร์

จากไอ้เท่งไอ้ทองตัวละครเอกในหนังตะลุง สู่ชุดบนเวทีมิสทิฟฟานี่ ไอเดียนำพาความสำเร็จ ของ "อารีฟ เจ๊ะหว่าง" แฟชั่นสไตลิสต์และเจ้าของแบรนด์ MANIRAT

สร้างผลงานบนเวทีนางงามมาแล้วหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็ได้รับการยอมรับจนเป็นที่รู้จักและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับแบรนด์ MANIRAT ของ "ติ๊นา-อารีฟ เจ๊ะหว่าง" แฟชั่นสไตลิสต์ที่เคยสร้างชื่อเสียงผ่านชุดฝากระป๋องให้กับ "แอนนา เสืองามเอี่ยม" ในการประกวด Miss Universe 2022 และความสำเร็จครั้งใหม่กับคว้ารางวัล Best Thai Identity Costume ในการประกวด Miss Tiffany's Universe 2025 จากการนำคาแรกเตอร์ไอ้เท่งในหนังตะลุง มาดีไซน์เป็นชุดเอกลักษณ์ไทย ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก

อารีฟ เจ๊าะหว่าง แฟชั่นสไตลิสต์และเจ้าของแบรนด์ MANIRAT

อมรินทร์ออนไลน์ สัมภาษณ์ อารีฟ เจ้าของแบรนด์ MANIRAT ถึงไอเดียและขั้นตอนที่มาของชุดไอ้เท่งไอ้ทองจากตัวละครหนังตะลุง ความพยายามนำพาความสำเร็จครั้งใหม่ให้แบรนด์ MANIRAT ซึ่งมาจากชื่อของคุณย่า ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นเรื่อยๆ

ได้โจทย์มาจากมิสทิฟฟานี่ ทำให้กับ "น้องซันเรย์ ณภัทร พลาสี" โจทย์ที่ได้มาเป็น Thai Identity เราก็เลยมองหาอะไรที่อยู่ใกล้ตัวมากที่เราเข้าใจทั้งสองคน ก็เลยหยิบเรื่องไอ้เท่งไอ้ทองของภาคใต้มา ซึ่งเราเองเป็นคนนครศรีธรรมราช น้องเป็นคนพัทลุง เมื่อได้รับบรีฟมาก็คือคิดออกทันทีเลยว่าจะทำเรื่องนี้ จริงๆ ตอนแรกมี 2 ตัวเลือก ตอนแรกจะทำไม่ไอ้เท่งไอ้ทองก็จะทำเรื่องของมโนราห์ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะหยิบเรื่องมโนราห์มาเยอะมาก แต่เราคิดว่าเราฉีกดีกว่า เราอยากเอาเรื่องที่คนคาดไม่ถึงมาทำ ก็เลยเป็นไอเดียชุดนี้ขึ้นมา

ซันเรย์ ณภัทร พลาสี

พื้นฐานสเก็ตแรกที่คิดไว้ตอนแรกว่าจะทำเป็นแบบโมเดล เพราะน้องค่อนข้างมีความเป็นโมเดลสูงมาก เราคิดว่าการที่จะทำชุดยากๆ ชุดที่ดูเป็นโมเดล น่าจะทำให้งานไอ้เท่งไอ้ทองดูโมเดิร์นขึ้น ซึ่งตอนแรกยังไม่มีท้องนะคะ สเก็ตช์แรกจะเป็นแค่สเกตธรรมดา กระโปรงเรียบๆ ทรงสวยๆ เข้าใจง่าย มีผ้าขาวม้า หนังสีดำ มีทั้งเทคนิคเลเซอร์คัทหรือลายฉะลุ มีองค์ประกอบอย่างอื่นครบหมด ขาดอยู่คือความสำหรับโชว์เฉพาะ ก็เลยคิดถึงว่าโอเคงั้นเรามาทำเรื่องบอดี้ของไอ้เท่งไอ้ทองดีกว่า แล้วปรับให้น้องเอาอยู่ เลยเพิ่มไอเดียการทำท้องออกมา ให้คาแรกเตอร์ของเรื่องที่จะทำมันชัดขึ้น ให้มันรู้สึกว่าเวลาเห็นปุ๊บรู้เลยว่าคืออะไร

มันค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงบ้างในบางส่วน ทีเแรกเราจะใช้พวกหนังแท้ หนังสัตว์แท้ ที่ทางพัทลุงหรือทางมโนราห์เขาใช้จริงๆ แต่ว่าเมื่อมาขึ้นกับร่างกายหรือทำกับบนเสื้อผ้าแล้วมันไม่ยืดหยุ่น เอาหนังไปเลเซอร์คัท คล้ายๆ กับลายฉะลุ ก็ผิดพลาดในการทำ เคลื่อนไหวแล้วมันไม่มีมูฟเมนต์เหมือนกับผ้าแบบเบสิค ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นขั้นตอนที่รู้สึกว่ายากที่สุด ก็คือการทำบอดี้เพิ่มมาตรงท้อง ตรงหน้าอก ตรงส่วนท็อปด้านบน เพราะว่าตรงนั้นค่อนข้างใช้เวลานาน เทสมาประมาณ 3-4 ครั้ง เพราะลองฟิตติ้งแล้วมันไม่เข้ากับสัดส่วน ลองทำขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าท้องมันต่ำไปหรือว่าท้องมันขึ้นมาเกิน เราก็เลยปรับแก้จนให้ได้สัดส่วนที่เข้ากระชับกับหุ่นน้องซันเรย์ให้ได้มากที่สุด

ด้วยโจทย์ที่ได้มาเราก็อยากนำเสนอภูมิปัญญาโดยแท้ แต่ว่าในคอนเซ็ปต์ที่เราเสนอไป เวลาเรามาลองแล้วมันไม่สามารถเป็นอาภรณ์ที่เป็นประโปรงได้ การเคลื่อนไหวมันค่อนข้างยาก ดังนั้นเราก็เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นงานคราฟอีกแบบหนึ่งแทน มีหนัง โฟมยาง ถ้าในส่วนงานเพนท์ก็จะเป็นอะคริลิคเพนท์ มีลายภาพพิมพ์ผ้า หนังแท้หนังเทียม ผ้าเฉพาะสำหรับปริ้นท์ลายออกมา มีผ้าขาวม้าซึ่งเป็นผ้าพื้นถิ่น ต้องเป็นลายตารางสีแดง ที่เป็นซิกเนเจอร์หลักของไอ้เท่งไอ้ทอง เราก็มามิกซ์กัน เอาเอกลักษณ์ที่มันชัดๆ แต่เรามาทอนให้มันอยู่ในไทป์ที่โมเดิร์นขึ้น ระยะเวลาถ้าตั้งแต่เริ่มแรกสเก็ตช์เลย ประมาณ 16-17 วัน เราค่อนข้างอยากให้มันออกมาเป็นไทยแท้ สิ่งที่ใช้จริงๆ เราก็ลดทอนให้มันเหมาะสมที่สุด

จริงๆ ภูมิใจหมดเลยนะคะ ชอบทุกอย่างเลย เรารู้สึกว่าความภูมิใจของเรามันเป็น Total look ดีกว่า ภาพรวมที่มันออกมาแล้วมันดูแตกต่างจากคนอื่นๆ บางทีเสื้อผ้า ถ้าแยกชิ้นเราอาจจะดูเบสิคดูธรรมดา แต่เมื่อมันโดนใส่ด้วย styling ใส่ด้วย make up หน้าผมหรือการเพอร์ฟอร์ม มันทำให้เรารู้สึกคอมพลีทแล้วมันโดดเด่น ถ้าถามในความภูมิใจ เราภูมิใจที่เราได้ทุกอย่างอย่างที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นการ รวมถึงการทำโชว์ด้วย ในใจเรากลัวคนไม่เก็ต ถ้าพูดแบบตรงๆ เลย เพราะความงามมีหลายรูปแบบ แล้วเราได้นำเสนอความงามอีกแบบหนึ่ง ตอนที่เดินออกมามีเสียงปรบมือก็รู้สึกดีใจนะคะ เพราะว่าอย่างน้อยๆ ก็มีคนชอบในผลงานที่เราทำ แฮปปี้ค่ะ (ยิ้ม)

คือเราชอบที่มันมีคอมเมนต์ไปในอีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่คำชม เพราะว่านั่นทำให้รู้สึกว่าศิลปะที่เราได้สร้างขึ้นมามันมีข้อสงสัย เขาเห็นแล้วเขารู้สึกได้ว่าเหมือนนางงามท้อง แล้วกลับไปศึกษาข้อมูลจากผลงานที่เราทำ มันทำให้รู้ว่าอ๋อ จริงๆ ไอ้เท่งไอ้ทองมันมีพุงแบบนี้ ติ๊นาก็เลยรู้สึกว่ามันสำเร็จไปอีกก้าวนึงแล้วกัน เราจะได้รับแต่คำชื่นชมอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ มันมีข้อถกเถียง เลยรู้สึกว่านี่แหละสิ่งที่จะต้อง แต่ถ้าพูดในทางโจ๊กๆ ตลกๆ ขำๆ ก็คือ ถ้าสาวทรานส์ท้องได้ก็ดีเหมือนกัน (หัวเราะ)

จริงๆ น้องก็ค่อนข้างที่กลัวในสิ่งที่ทำ ถ้าพูดกันแบบตรงๆ น้องอยากเดินออกมาแล้วมันใช่มันจบ แต่ว่าเราคิดว่าไหนๆ เราทำงานแล้ว บนพื้นฐานของงานที่เรากลัวว่ามันว่าจะน้อยไปกว่าคนอื่น ไม่ใช่เราจะต้องยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นนะคะ หมายความว่าผลงานเราไม่ได้วิจิตรการ หรือว่าใช้งานละเอียด แบบงานวิจิตร งานไทย ผ้าไทยขนาดนั้น เราก็รู้สึกว่าส่วนของเพอฟอร์แมนซ์ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สามารถชูเรื่องที่เราทำได้ ดังนั้นก็เลยคิดท่าให้น้องเลย ว่าต้องทำท่าแบบนี้ ต้องเลียนแบบจากท่าของไอ้เท่งไอ้ทองทั้งหมดเลย ให้มีมูฟเมนต์บางอย่างที่รู้สึกถึงเรื่องราวที่เราทำ

หลักการการทำงานของติ๊นาจะเป็นแบบนี้ เวลาเรามีไอเดียอะไรก็แล้วแต่เราจะสเก็ตช์ไว้สะสมไว้เรื่อยๆ แล้วเราจะจำได้ว่าเราสเก็ตช์อะไรไว้ แล้วเราเจอนางงามคนหนึ่งหรือนางงามที่เข้ามาหาเรา เราจะมีเซนส์บางอย่างที่รู้สึกว่าเขาเหมาะกับชุดนี้ ให้ความรู้สึกว่าชุดนี้เป็นของเขา การทำงานกับนางงามมีหลายรูปแบบมาก หมายถึงว่าเราสามารถทำนางงามที่มีต้นไอเดียเป็นแบบเป็นที่ตั้ง แล้วให้เราทำเสื้อผ้าให้ แต่นางงามส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จกว่าเรา จะเป็นงานที่มาจากสเก็ตช์ของเราที่เขาเห็นพ้องกับเรา แล้วมันทำให้งานเราโฟลวกับการที่จะต้องนำเสนอผลงานเราด้วย

"รางวัลแรก" เติมไฟในการทำงานและพัฒนาตัวเอง

รู้สึกว่าได้ชาเลนจ์ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ คือเราเป็นคนที่เมื่อได้รับ เราจะทำงานเต็มที่ พอเราตั้งใจแล้วมันสำเร็จ มันทำให้เราอยากทำอีก อยากที่จะชาเลนจ์ตัวเองในเสื้อผ้าด้านอื่นๆ อีกไปเรื่อยๆ อยากให้มันได้เกิดขึ้นอีก เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่เราอยากที่จะทำ ซึ่งมันไม่มีโอกาสหรือจังหวะที่จะนำเสนอมัน

ไม่ใช่แค่เพียงงานด้านนี้อย่างเดียว งานอื่นๆ ละครเวที งานคอนเสิร์ต หรือแม้แต่ชุดแต่งงาน เราก็ทำมาผ่านๆ บ้าง แต่ว่าเราไม่ได้ทำในเวย์ที่เป็นการแข่งขันมีแคนดิเดต ซึ่งงานในส่วนนั้นบางทีมันถูกปล่อยไปก็ปล่อยในด้านเดียว ก็คือจากอินสตาแกรมจากแบรนด์ของเรา แต่มันไม่ได้ถูกปล่อยในสถานะที่คนอื่นๆ ได้มองเห็น ก็เลยอยากที่จะทำหลายๆ งานเพิ่มไปเรื่อยๆ จบชุดนี้ไปเสร็จใช่ไหมคะ ไอเดียเราก็จะวิ่งละ เราก็จะมีในหัวเราแล้วว่าอยากทำเรื่องอะไรต่อ เหมือนเชื้อเพลิงในตัวที่มันพร้อมที่จะปะทุออกมา

ดีใจได้ช่วยอนุรักษ์ "หนังตะลุง" ให้คงอยู่

ดีใจมากค่ะ เพราะเราอยากทำอะไรให้กับสังคมในอาชีพของเรา อยากทำอะไรให้กับแผ่นดินไทยกับบ้านเกิดเมืองนอน เราได้ทำชุด Hidden Precious Diamond Dress ไปแล้ว ตอนนั้นเราก็ได้แรงกระเพื่อมจากทางสิ่งแวดล้อม จากประชากรโลกที่สนใจของการทำ Sustainability แล้วชุดนี้เหมือนกันมันรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยๆ มันเป็นซอฟต์พาวเวอร์เล็กๆ ให้กับบ้านของเรา เป็นเรื่องราวเล็กๆ ที่เราสามารถนำเสนอให้กับคนอื่นได้ มีคนทำเรื่องไอ้เท่งไอ้ทอง หรือแม้แต่มหรสพเกี่ยวกับหนังตะลุงตลอด แต่ว่าค่อนข้างที่จะได้แสงน้อย ถูกพูดถึงน้อย เพราะว่าด้วยเทคโนโลยีหรือว่าวิถีของมนุษย์เราเปลี่ยนไป เลยรู้สึกว่าในอาชีพของเราสามารถที่จะกำหนดหรือว่าปรับเปลี่ยนบางอย่าง การนำเสนอเรื่องราวชาติพันธุ์บ้านเรา ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้มันได้นำเสนอออกสู่สายตาไม่ใช่แค่ด้านเดียว มันกลายเป็นว่าทุกคนให้ความสนใจ เราอาจจะเป็นเหมือนแรงเล็กๆ ที่สามารถทำให้คนกลับไปศึกษาประวัติของไอ้เท่งไอ้ทอง เป็นแรงเล็กๆ สามารถให้คนกลับไปย้อนดูหนังตะลุง ก็เลยรู้สึกดีใจมาก

ภูมิใจนะ เราไม่ใช่เพียงแค่แฟชั่นดีไซเนอร์อย่างเดียวแล้ว เราคือคนที่เอาสิ่งที่เราถนัดเอาสิ่งที่เรารักมารวมกัน เอาสิ่งที่เราอยากสืบสานมานำเสนอพร้อมๆ กัน กลายเป็นแบบยิงนกหนึ่งตัวได้นกเป็นสิบตัว แค่ต้นไอเดียในการเสนอ แต่มันกลายเป็นแรงกระเพื่อมของสังคมได้ กลายเป็นเราสามารถสืบสานศิลปะวัฒนธรรมได้ ทำให้คนทุกเจนเนอเรชั่นเข้าใจ เด็กรุ่นใหม่เองที่ไม่รู้ก็สงสัย เหมือนที่บอกว่านางงามท้องหรือเปล่า มันคือตั้งคำถามเป็นเรื่องที่ถกกัน แล้วเขาสามารถเอาเรื่องนี้ไปรีเสิร์ชได้ เหมือนคนยุคกลางหรือเจนเราก็เข้าใจอยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่มันไม่เหมือนต้นฉบับ ส่วนคนที่เป็นยุคเก่า เขาก็จะรู้ว่าว่าอ๋อ...เขาได้ปัดฝุ่นทำใหม่ในแบบสมัยใหม่ เนี่ยมันกลายเป็นงานที่มันออกมาที่มันเข้าใจได้ทุกเจนเนอเรชั่น

การเติบโตผ่าน "ความพยายาม"

เราพยายามพัฒนาตัวเองตลอดจากวันแรก เราเป็นคนที่อยู่กับความสำเร็จจากชุดใดชุดหนึ่งไม่ได้นาน เพราะเราอยากก้าวต่อไปข้างหน้าตลอด มันทำให้เรารู้สึกว่า โอเค งานต่อไปต้องดีกว่านี้ ก็เลยพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ดีใจนะคะที่การพัฒนาของเรามันมีความหมาย มีคนมองเห็นว่าเราก้าวกระโดดขึ้นเติบโตขึ้น มันคือผลพวงจากการพัฒนาของเราเอง ดังนั้นติ๊นาตอบไม่ได้ว่าเราก้าวกระโดดไปแบบไหน หรือพัฒนาไปถึงจุดไหนแล้วหรือว่าไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่ผลของคนดู ของผู้ชม หรือคนที่ติดตามแบรนด์ จะเป็นคำตอบให้เราเอง หน้าที่ของเราคือต้องสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีที่สุด แล้วก็เป็นผลงานที่ให้อะไรกับสังคมเหมือนเดิม ถ้าไม่ให้อะไรกับสังคมก็เป็นงานที่เหมาะสม และสร้างภาพลักษณ์หรือสร้างภาพจำให้กับคนที่ใส่เสื้อผ้าของเราได้เรื่อยๆ ถ้าชุดที่มันกดดันที่สุดสำหรับตัวเรา คือชุดของแอนนา จากการที่เวทีมันค่อนข้างจะใหญ่มาก เป็นครั้งแรกของเราด้วย ส่วนตัวอื่นๆ ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้เราพัฒนางานอยู่เรื่อยๆ สร้างสรรค์ผลงานใหม่เรื่อยๆ ค่ะ

วันนี้พาชื่อ MANIRAT ที่มาจากชื่อ "คุณย่า" ไปไกลมาก

ถ้ารู้สึกแบบใน dramatic มากๆ ก็คืออยากให้เขาอยู่เหมือนเดิม แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว คิดว่าเขาคงเห็นแหละค่ะในสิ่งที่เราทำ เพราะว่าเราก็ทำบนพื้นฐานของชื่อเขาไม่ได้เอาชื่อตัวเองด้วยซ้ำ ดีใจมากที่คนรู้จักชื่อเขาผ่านตัวเรา มันคือชื่อของเขา แต่ว่ามันผ่านผลงานของเรา ผ่านรสมือของเรา ถึงแม้เขาไม่อยู่ แต่เรายังทำงานด้วยจิตวิญญาณของตัวเขาอยู่ เราคุยกับคนอื่นเป็นปกติแหละ แต่คนที่เราจะอยากบอกมากที่สุดมันคือเขานั่นแหละ คิดว่าเขาก็คงรับรู้ ความเชื่อมั่นในตัวเราหรือสิ่งที่เขาเคยพูดไว้กับเรา เราทำได้แล้วนะแล้วก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ

"ความฝันและเป้าหมายสูงสุด"

จุดมุ่งหมายสูงสุดติ๊นาตอบเป็นรูปธรรมไม่ได้เลย แค่รู้สึกว่าทุกอย่างมีพร้อมสำหรับชีวิตบั้นปลาย พร้อมสำหรับอนาคต นั่นคือจุดหมุดหมายสำคัญมากกว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับนามธรรม เป็นรูปธรรม ชอบรีฮานน่ามาก (ยิ้ม) อยากให้วันหนึ่งรีฮานน่าได้ใส่ชุดเรา อยากให้เห็นชุดเรา มันค่อนข้างยากนะคะแต่ว่าก็อยากให้ งานพรมในต่างประเทศไม่ว่าจะอย่าง Met gala ก็อยากที่จะเห็นเสื้อผ้าตัวเองอยู่ตรงนั้น อย่างเทศกาลหนังเมืองคานส์เราเคยมีชุดเราไปเดินมาแล้ว โอเค มันก็สำเร็จอีกหนึ่งขั้นแล้ว ก็อยากไป Met gala อย่างนี้ค่ะ

ส่วนในเส้นทางนางงาม เราทำงานตรงนี้ คุณภาพงาน ความคิดสร้างสรรค์ที่เราทำ มันจะประสบความสำเร็จมากๆ ก็ต่อเมื่อถูกสวมใส่ ยิ่งชุดนั้นได้สวมใส่พร้อมกับมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส จะรู้สึกสมบูรณ์แบบมาก ก็อยากเห็นชุดตัวเองที่สวมใส่โดยมิสยูนิเวิร์สเหมือนกัน ซึ่งในชาเลนจ์ของการประกวดนางงามก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรายังไม่ได้คอมพลีท 100% แต่ในส่วนตัวแอนนาเสือ มันคอมพลีทในด้านของตัวแทนประเทศ แรงกระเพื่อมด้านอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม ได้ในส่วนนี้แล้ว แต่ว่าในเรื่องของการประกวดนางงามที่เป็น Beauty Pageant เลย เราก็อยากเห็นชุดเราสวมใส่โดยคนไทยแล้วก็สวมใส่มงกุฎจักรวาลเหมือนกัน ก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด ไม่เกิดขึ้นไม่เป็นไร แต่ขอให้ได้ทำก็มีความสุขแล้ว

"ความสำเร็จ" ของตัวเองวันนี้

เราให้คะแนนตัวเอง 5 แล้วกัน อีก 5 % มันคือสิ่งที่เราต้องพัฒนา เราทำทุกอย่างไม่ใช่แค่ 5 นะคะ เราทำทุกอย่างเกิน 100% แต่แค่ในความสำเร็จที่มันจะต้องก้าวกระโดด เมื่อเราสำเร็จหนึ่ง เราต้องก้าวไปอีกความสำเร็จหนึ่งอยู่เรื่อยๆ มันทำให้เราย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำให้เราไม่ลืมตัวเองในสิ่งที่เราให้คะแนนตัวเองแค่ครึ่งหนึ่ง เพราะอีกครึ่งหนึ่งมันทำให้เราย้อนกลับไปว่าเราคือใคร เราจะไม่ลืมตัวเองเสมอ ทำให้เราเป็นคนที่ยอมรับอะไรได้ง่ายมากยิ่งขึ้น การที่ให้คะแนนแค่ 5 นั่นหมายความว่าเราสามารถเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอแล้วก็พัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

เรามองภาพตัวเองไว้ไกลมากกว่านั้นเยอะเลยค่ะ ไม่ได้มองในเชิงความกดดันตัวเองว่าเราต้องยิ่งใหญ่ ไปไกลกว่านี้ เติบโตมากกว่านี้ เราจะใช้วิถีของการทำงานที่คุณภาพแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งคนจะมองเห็นในสิ่งที่เราทำเอง เลยรู้สึกว่าการเติบโตมันอาจจะเติบโตกับผลงานที่มันออกสู่สายตามากกว่า วันหนึ่งอาจจะเติบโตอาจจะมีหน้าร้านที่มันใหญ่กว่านี้ อาจจะมีคนที่ชอบผลงานเรามากกว่านี้ ค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วคือทุกการทำงานเราก็จะอยู่บนพื้นฐานของคำว่าคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ที่มันไม่เหมือนใคร เรามองภาพตัวเองหรือเรามองแบรนด์ตัวเองไว้ไกลมากค่ะ ไกลมากๆ เราคิดเสมอว่ามันจะถึงไม่ถึงไม่เป็นไร แค่เราได้คิดหรือแค่คิดว่ามันจะต้องถึง เราอิ่มใจแล้ว เราภูมิใจแล้ว

Advertisement

แชร์
จากหนังตะลุงสู่ชุดบนเวทีมิสทิฟฟานี่ ไอเดียสู่ความสำเร็จของ MANIRAT