"โซแบม ปณิชดา คงสวรรยา" รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 นักสู้หน้าหวาน ผู้มีแม่เป็นแรงผลักดันทุกอย่างในชีวิตจนได้ดี
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 ด้วยความเป็นนักสู้จนได้ดี สำหรับ "โซแบม ปณิชดา คงสวรรยา" เจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 ที่เจ้าตัวบอกกับอมรินทร์ออนไลน์ว่ามาถึงจุดนี้ได้เพราะความพยายามผ่านเรื่องราวในชีวิตที่ไม่เคยได้บอกใคร บวกกับมีคุณแม่คอยเป็นแรงผลักดันทุกอย่างในชีวิต จนวันนี้เธอสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางนางงามได้แล้ว
รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025
โซแบม ปณิชดา : ดีใจมากๆ เพราะตัวแบมเองก็มีความฝันของตัวเองชัดเจนมากๆ แล้วเราก็พยายามมาตั้งแต่เด็ก จนสุดท้ายเราก็แสดงให้ทุกคนได้เห็น ว่าเราสามารถเป็นได้ในหลายๆ บทบาท ตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จในบทบาทของนางงาม ซึ่งติดท็อป 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ เป็นตำแหน่งที่สูงมากๆ สำหรับแบมเลย ในทุกๆ วันที่เราทำกิจกรรมที่เราเดินมาเส้นทางนี้ ชีวิตแบมคือแกรนด์แล้ว กรีดเลือดออกมาก็เป็นแกรนด์แล้ว แล้วก็หวังมากๆ ว่าเราจะไปที่จุดสูงสุดให้ได้ ซึ่งก็ตามฝันนะคะ เพราะความพยายามของเรา เรารู้ว่าเราพยายามอะไรมาบ้างเหนื่อยอะไรมาบ้าง จนเราได้รับตำแหน่งนี้ก็รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจในตัวเองค่ะ
ความฝันในชีวิต โดยมีเส้นทางนางงามนำพา
โซแบม ปณิชดา : ความฝันของแบม อยากเป็นนักแสดงมาก แบมชอบและรักในการแสดงมาก ก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีโอกาส เพราะว่าเราคือเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่ไม่ได้มีคอนเน็คชั่นหรือว่ารู้จักผู้ใหญ่ ซึ่งแต่ละครั้งที่เราจะต้องบินมาแคสที่กรุงเทพมันเสียค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ สิ่งที่เราจะทำได้คือค่อยๆ เหมือนเดินบันไดทีละขั้น โดยที่แบมเริ่มจากการประกวดนางงามเดินสายในจังหวัดของตัวเอง เริ่มเล่น TikTok พอมีคนติดตามขึ้นมาก็มีคนจ้างงาน เราก็พยายามทำทุกอย่างที่ได้เงินและมีหน้าออกไปตามสื่อต่างๆ จนมีคนเล็งเห็นเข้ามาช่วยเหลือแยะแยะ จนมีโอกาสได้แสดงซีรีส์แสดงซิตคอมต่างๆ เราก็รู้สึกว่ามันก็ยังไม่สุดสักที เราคิดว่าศักยภาพเราไปได้อีกนะ แต่มันยังไม่มีโอกาสที่จะได้ไปฉายแสงให้ทุกคนได้เห็น
สิ่งที่แบมตัดสินใจมามิสแกรนด์ก็คือ เป็นหนึ่งจุดที่เป็นเหมือนจุดกำเนิด เพราะแบมเคยประกวดมิสแกรนด์เชียงรายมาก่อน ซึ่งจุดนั้นแหละที่เหมือนได้ส่องประกายแล้วว่าเราสามารถทำได้ และมีคนมองเห็นเรา ให้งานเรา เรารู้ว่าเราเกิดได้กับแกรนด์ เราจะกลับมาเกิดกับแกรนด์อีกสักครั้งนึง แล้วดูว่าจะเป็นยังไง เพราะว่าก่อนหนานี้ปัญหาชีวิตมันก็เยอะเหมือนกัน ไม่สำเร็จสักที จนเกือบท้อแบบไม่อยากจะเอาอะไรแล้ว แต่สุดท้ายมันก็คือชีวิตเรา เราต้องสู้แหละถ้ามันยังมีชีวิตยังมีลมหายใจยังมีแรง ต้องสู้ไปให้ถึงที่สุดเพราะความฝันเราชัดเจนมาก
จนได้มาประกวดแกรนด์ พอได้รับตำแหน่งก็คือเปลี่ยนชีวิตเลย คนรู้จักเราเยอะขึ้น รักเราเยอะขึ้น มาสนับสนุนเราเอ็นดูเราเยอะขึ้นมากๆ แล้วการได้มงตรงนี้ มันไม่ใช่จุดจบหรือว่าเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว แต่นี่คือการเริ่มต้นจริงๆ เป็นการเปิดประตูเปิดโอกาส
กับตำแหน่งที่แบมได้ด้วย A Star is Born เป็นตรงโจทย์กับแบมมากๆ เราอยากเป็นสตาร์ อยากเป็นนักแสดงมาก เรารู้สึกว่ามันมีความสุขและทุกคนเห็นเราในบทบาทการแสดงแล้วเขาชอบ รู้สึกว่านี่แหละมันต้องไปได้มากกว่านี้สิ และตอนนี้ก็พร้อมแล้วค่ะ พร้อมทำงานมากๆ ผู้ใหญ่คนไหนที่เอ็นดูหรือว่าผู้จัดต่างๆ สามารถได้เลย ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์อะไรละครหรือจะเป็นซิตคอมต่างๆ เป็นภาพยนตร์ แบมพร้อมเล่นทุกอย่างจริงๆ ค่ะ (หัวเราะ)
ก้าวใหม่ในการทำตามความฝันที่ใหญ่ขึ้น
โซแบม ปณิชดา : เหมือนกระโดดเลยค่ะ จากปกติที่เราค่อยๆ เดินทีละขั้น อันนี้เหมือนมีสปริงเพื่อกระโดดขึ้นไป ต้องขอบคุณเวทีมิสแกรนด์จริงๆ ที่ให้โอกาสเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่ฐานแฟนคลับนางงามเลย 4B ก็ร่อยหรอขาดๆ เกินๆ จนตอนนี้ขายของก็ขายได้แล้ว Beauty ก็มาแล้ว Body อาจจะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็มาละ Brain ตอบคำถามก็ไม่แย่ คือการตอบคำถามบนเวทีมิสแกรนด์เป็นอะไรที่กลัวเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เขามองว่าสวยแล้วยังไงต่อ ตอนนี้พร้อมทำงาน มีทุกอย่างแล้ว
แม่...เป็นแรงผลักดันทุกอย่างในชีวิตจนได้ดี
หลังการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 เสร็จสิ้นลง เรื่องราวชีวิตของโซแบม ปณิชดา ถูกเปิดเผยผ่านโลกโซเชียล ว่าเคยประสบอุบัติเหตุกับแม่มาตั้งแต่เด็กจนคุณแม่เสียโฉม อยู่กับแม่เพียงสองคน และหนึ่งความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าฝันของตัวเอง คือการได้พาคุณแม่ไปทำศัลยกรรมให้กลับมาสวยและมั่นใจในตัวเองได้อีกครั้ง ซึ่งโซแบมบอกกับอมรินทร์ออนไลน์ว่า เพราะเรื่องราวในชีวิตทำให้เธอใฝ่ดีและเป็นนักสู้มาจนถึงวันนี้
โซแบม ปณิชดา : ตอนแรกก็อยู่กันเป็นครอบครัว แต่พอหนูเริ่มโตขึ้นก็แยกย้าย คุณพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ แม่ก็จะดูแลเรา ตอนเด็กเป็นช่วงที่หนักที่สุดในชีวิตแบมเลย เป็นจุดที่ถ้าคนที่รู้สึกว่าไม่อยากสู้กับชีวิตสามารถออกนอกลู่นอกทางหรือไม่เอาอะไรกับชีวิตแล้ว แต่อย่างตัวแบมเองเราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยากอยู่จุดนี้ ไม่อยากเป็นแบบนี้ ทำยังไงก็ได้ให้เราพาแม่ออกไปจากจุดนี้ให้ได้
แบมไม่เคยโทษอะไรเลยที่ได้เจอแต่ขอบคุณด้วยซ้ำ ถ้าแบมไม่เจอเหตุการณ์อย่างนี้แบมคงไม่มีความกระตือรือร้นหรืออยากที่จะเป็น อยากที่จะไป อยากที่จะได้ จนเราเป็นนักสู้อย่างนี้ หลายคนอาจจะมองว่าลุคแบมดูหวาน แต่จริงๆ นิสัยแบมห้าวมาก เพราะต้องคอยดูแลแม่ เป็นผู้นำคนหนึ่งในครอบครัว มันก็เป็นเรื่องราวที่หนักพอสมควร จากเขาที่เป็นคนสวยมากๆ หาเงินได้ ต้องพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เราก็อยากให้เขาสบายสักทีเพราะเขาเหนื่อยมากจริงๆ เขาทำงานหนักมากถึงเขาจะมีตาข้างเดียว เขานอนน้อยเพื่อที่จะหาเงินให้เราได้เรียนดีๆ
ตอนแรกแบมสอบติดที่ มช. ใช่ไหมคะ เงินก็ไม่มีหรอกที่จะจ่ายค่าเทอมให้ลูก คือถ้าจะเรียนได้ก็คือเรียนที่เชียงราย แต่เรารู้สึกว่าถ้าเรามีความฝัน เราอยู่ที่เชียงรายมันอาจจะยากมากๆ ที่จะไปถึงจุดนั้น โอกาสมันน้อยถ้าพูดตามตรงแต่เงินที่เราจะเอามากรุงเทพมันยากเกินไป สิ่งที่มันจะเป็นไปได้มากที่สุดคือต้องมาเรียนที่เชียงใหม่ เลยพูดกับแม่เลยว่าแม่ไม่ต้องอะไรเลย แบมขอไปเรียนแล้วแบมจะดูแลตัวเองเองจะไปหางานทำ แค่ช่วงแรกๆ ถ้าแม่มีเงินซัก 1,500 โอนมาให้แบมเพื่อให้แบมซื้อข้าวกินตอนเย็นหรือตอนเช้าก็พอแล้ว พอไปถึงที่โน่นแบมจะทำงานหาเงินแล้วแบมก็ทำงานหาเงินได้จริงๆ ก็ค่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ พอเริ่มเก็บเงินได้พอสมควรแบมก็ตัดสินใจที่จะย้ายมากรุงเทพฯ เพื่อมาหาโอกาส
เราประสบอุบัติเหตุกับแม่ตั้งแต่อายุสามขวบ แบมจำหน้าแม่ไม่ได้เลยจริงๆ ว่าหน้าแม่ตอนที่เป็นสาวหน้าตายังไง เราก็จะจำในหน้าตาแม่ ณ ตอนนี้ว่านี่คือแม่เรา เรามีความตั้งใจว่าถ้าวันไหนที่เรารวยเรามีเงินพอที่จะพาเขาไปทำสวยได้ เราก็อยากให้เขาสวยสักที เพราะเขาเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองเลย เขาจะคิดว่าคนอื่นจะต้องมองเขาน่ากลัวแน่เลย ทำไมหน้าตาถึงเป็นอย่างนี้ เขาไม่มีความมั่นใจไม่กล้าแต่งตัวไม่กล้าแต่งหน้า เขาจะชอบมองว่าแค่นี้ก็ตลกแล้ว ซึ่งเราอยากให้เขามั่นใจเพราะว่าเขาเป็นคนน่ารักเป็นคนสวยอยู่แล้ว
แบมบอกเลยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทำให้แบมเป็นแบมในทุกวันจริงๆ แบมไม่เคยย่อท้ออะไรเลย สู้ได้แบมสู้ ก่อนหน้านี้เขาก็ทำเพื่อแบมมากๆ เขาไม่เคยมาบ่นเหนื่อยไม่เคยท้ออะไรเลย เขาจึงควรได้สิ่งตอบแทนกับเรื่องราวที่เขาต้องประสบมา แต่ตอนนี้เราสามารถทำให้เขาไปเที่ยวในสิ่งที่เขาอยากไปได้ กินในสิ่งที่เขาอยากกินได้ แล้วก็อยากให้เขามีความสุขในทุกๆ วัน
คือทุกวันนี้เขามีความสุขนะคะที่เห็นลูกได้ประกวด มีคนรักมีคนชอบมากๆ แบมเองจะถามเขาตลอดว่าอยากทำอะไรไหม เพราะเรารู้ว่าถ้าคนแก่อยู่บ้านคนเดียวเขาจะเหงาเขาจะฟุ้งซ่าน กลัวลูกไม่รัก กลัวตัวเองไม่มีค่า แต่เขาเป็นคนที่บอกเลยว่าอยากทำ อย่างน้อยก็ไม่เหงาแล้วก็ได้รายได้ด้วยช่วยลูกด้วย
เขาพูดตลอดว่าเราเก่ง เขาภูมิใจในตัวเรามากๆ เราไม่ได้หวังอะไรจากเขาเลย แค่เห็นเขามีความสุข แค่เห็นเขายิ้ม คลิปที่เป็นไวรัลนั้น คือเราตั้งใจกราบเขาจริงๆ ก่อนขึ้นเวทีหนึ่งวัน เราบอกเขาว่ามันเป็นวันที่จะตัดสินชีวิตแบมแล้วนะแม่ ขอบคุณที่ให้กำลังใจแบมมาตลอดเลย จะทำให้เต็มที่ชีวิตเราจะได้เปลี่ยนชีวิต เราจะได้สุขสบาย จนมีคนถ่ายคลิปแล้วก็เอาไปลงจนมีคนรู้เรื่องราวของเราว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างนั้นมาก่อน ขอบคุณมากที่ค้นพบทั้งแบมทั้งแม่ พวกเราให้ความรักกันและกันมาตลอดเลย คือก่อนหน้านี้เราไม่มีที่ยึดเหนี่ยวหรือได้รับความรักจากใครอย่างนี้ จนตอนนี้เราได้รับความรักจากทุกคน ทุกคนเห็นในความน่ารักของเราสองแม่ลูก แล้วก็ซัพพอร์ตพวกเรา
ตัวแบมเองรักแม่มากๆ ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมารู้เรื่องราว แบมรักแม่แต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลย เรามีกันแค่นี้ก็อยากให้แม่รักษาสุขภาพเยอะๆ ร่างกายต่างๆ ที่ประสบอุบัติเหตุมา หลายๆ อย่างมันก็จะป่วยง่ายหน่อย ก็อยากให้เขาดูแลสุขภาพ อยากให้เขาอยู่กับเราไปนานๆ ขอบคุณเขาที่เป็นพลังบวกให้ตลอดเลย ไม่ว่าจะหันไปทางไหนจะมีเขาอยู่ข้างๆ แบมตลอด ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรสุดท้ายมาเขาจะเป็นคนที่อยู่ข้างแบมตลอดเลย ขอบคุณจริงๆที่เกิดแบมมา แล้วขอบคุณเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตจนผลักดันให้แบมมาถึงวันนี้ แล้วตรงนี้มันไม่ใช่แค่จุดจบแต่มันคือจุดเริ่มต้นจริงๆ แบมคิดว่าแบมสู้ไปได้อีก แล้วแบมก็จะทำให้เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้แต่โอกาสมันจะเป็นศูนย์ แต่เราสามารถทำมันได้ (ยิ้ม)
ถึงบอสณวัฒน์...ผู้ให้โอกาส
โซแบม ปณิชดา : แบมอยากขอบคุณบอสณวัฒน์มากๆ แบมเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาแล้วก็รักในบอสณวัฒน์มากๆ ตั้งแต่แบมประกวดแกรนด์ครั้งแรก แบมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เก่ง แบมอยากทำงานกับคนเก่ง อยากมีเขาเป็นพ่อ อยากให้เขาสั่งสอนแบมดุได้ด่าได้ อะไรอยากให้แบมทำ แบมพร้อมที่จะทำทุกอย่าง พร้อมที่จะก้าวไปแล้วก็เก็บประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน แบมอยากจะประสบความสำเร็จให้ได้เหมือนเขา เพราะว่าตัวบอสเก่งมากเก่งที่สุดที่แบมเคยเจอมา ตอนนี้ได้มีโอกาสได้มาอยู่ในองค์กรได้มาเป็นลูกของบอสณวัฒน์แล้ว ก็ขอบคุณมากๆที่เล็งเห็นถึงความตั้งใจ ความพยายามของแบม มีพี่ๆ บอกว่าบอสจำแบมได้ตั้งแต่ตอนที่ประกวดครั้งแรกที่เชียงราย แล้วเขาก็อยากให้กลับมา ตอนนี้แบมกลับมาแล้ว ได้มาอยู่ในองค์กรแล้ว แบมพร้อมที่จะทำงานต่อไปยาวๆ เลย จะนอนน้อยก็ยอมเพื่อที่จะเราจะได้รวยไปด้วยกันเพราะว่าองค์กรเรารักเงินค่ะ (หัวเราะ)
Advertisement