เปิดใจทุกเรื่องราวในอดีตที่ติดอยู่ในใจ สำหรับ "ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดใจทั้งน้ำตาถึงคำว่า "ภูมิใจ" จากปากคุณพ่อ พร้อมสารภาพความเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่ปรี๊ดใส่แฟนเก่าหลายๆ คน ด้วยวาจาที่ทำร้ายจิตใจ แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือทำร้ายกับใคร และเล่าความรักที่อกหักครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต จนเปลี่ยนทัศนคติในความรักเป็นเรื่องสนุก เลยทำให้ผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งแต่เสียใจ เมื่อได้มาเจอรักแท้คือภรรยา "คุณนาน่า" ก็เกือบจะเลิก เพราะความเจ้าอารมณ์ของตัวเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เชียร์ ฑิฆัมพร" เปิดเหตุผลยอมใจอ่อนให้ "บิ๊ก" หลังโดนตื้อ 2 ปี
- "นนนี่" ลูกสาว "แอน สิเรียม" เปิดเหตุผลแยกทางสามี ได้กลับมาอยู่กับแม่มีความสุขมากกว่า
- "อ๋อม สกาวใจ" เข้าใจผิดคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก จนเคยคิดฆ่าลูกพี่ลูกน้อง
- ล้วงชีวิต "นุ่น ดารัณ" เจอรักช้ำ ก่อนจะเจอรักแท้ที่อยู่ใกล้ตัวมาตลอด 20 กว่าปี
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ในความสัมพันธ์ที่เล่ามาหรืออีกหลายครั้งที่ไม่ได้เล่าดู เหมือนจบลงแบบไม่ประสบความสำเร็จ เคยวิเคราะห์ตัวเองไหม สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้เราเป็นคนแบบนี้ เอาแต่ใจตัวเอง พูดจารุนแรงเพราะอะไร
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : คือจริงๆ เรารู้อยู่แล้วว่านิสัยเหล่านี้มันจะพาไปสู่การเลิกรากัน แต่ว่าสุดท้ายเราแพ้ใจตัวเอง แพ้อารมณ์เป็นใหญ่กว่า เพราะใจเรานำร่างกาย เราไม่สามารถควบคุมได้ เราก็เคยคิดนะว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นแบบนั้น พอเรามองย้อนไป เราไม่ได้โทษคุณพ่อคุณแม่นะครับ แต่คุณพ่อคุณแม่เราเลิกกัน แล้วตอนเด็กๆ เราเคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันรุนแรง คุณพ่อเป็นทหารแล้วคุณพ่อเลี้ยงเราแบบเข้มงวดมาก เคยมีครั้งหนึ่งที่โดนดุจนเราหนีออกจากบ้าน แต่เราจะไม่ได้โดนดุบ่อย เพราะว่าเราอยู่โรงเรียนประจำ คนที่โดนดุมากๆ คือพี่สาว เพราะว่าเขาไป-กลับ แล้วคุณพ่อก็จะดุ บ่นถึงคุณแม่ จนพี่สาวทนไม่ไหว เลยคิดจะหนีออกจากบ้านกัน เราก็บอกพี่สาว พี่พลอย ภูมิไม่ไปได้ไหม เดี๋ยวจะนอนอยู่บ้านแล้วบอกพ่อให้ว่าพอตื่นขึ้นมา ก็ไม่เจอพี่พลอยแล้ว พี่สาวเราก็บอกว่าเธอเป็นผู้ชายคนเดียว จะปล่อยให้ผู้หญิง 2 คนไปกันได้ยังไง ตอนนั้นเลือดวชิราวุธวิทยาลัย รู้สึกว่าไม่ได้ เราต้องเป็นลูกผู้ชาย งั้นไป ตอนนั้นก็ไปตัวเปล่าเลยครับ แต่พี่สาวมีเงินเก็บอยู่ประมาณเจ็ดร้อยกว่าบาท เราก็เดินออกไปหน้าหมู่บ้านแล้วพยายามติดต่อหาคุณแม่ แต่ก็โทรหาไม่ติด พี่สาวมีสมุดโทรศัพท์อีกเล่มหนึ่ง ก็เลยโทรหาเพื่อนสนิทคุณแม่ชื่อป้าดา ป้าดาก็ตกใจว่าทำไมเด็กๆ ออกมากันแบบนี้ เขาก็ให้เรารออยู่ตรงนั้นกันก่อน แล้วก็พยายามติดต่อหาคุณแม่ จากนั้นประมาณ 5 นาที ก็บอกว่าติดต่อหาคุณแม่ได้แล้ว คุณแม่ก็ให้ป้าดาช่วยพาไปซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อบินไปหาคุณแม่ที่เชียงใหม่ พอไปถึงดอนเมืองจะซื้อตั๋วก็ไม่ได้เพราะว่าไฟลท์มันเต็ม แต่มันมีที่นั่งสำรองแล้วมีพอดี 3 คน เราก็บินไปถึงคุณแม่ทุ่มนิดๆ ผมจำได้เลย ความรู้สึกที่คุณแม่ยืนรออยู่ตรงที่กั้น คุณแม่ร้องไห้ตลอดเวลา เหมือนคนเสียสติเลย (พูดเสียงสั่น น้ำตาคลอ) พอเขาเห็นหน้าเรา เขาดีใจมาก แล้วก็วิ่งมากอด เขาก็พูดให้ฟังว่ารู้ไหม แม่อธิษฐานตลอดเลย วันหนึ่งถ้าเขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้ จะขอให้ลูกมาอยู่กับเขา เราก็ดีใจได้อยู่กับแม่ (ปาดน้ำตา)
ถาม เพราะแบบนี้หรือเปล่า ณัฏฐ์ถึงเป็นคนที่ทะเลาะแรง หวงแรง หึงแรงมาก
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : ขี้หึง ขี้หวง อารมณ์ร้อน บางทีเราไม่พอใจ เราก็จะเก็บ พอมันไม่ไหวก็ระเบิดออกมา เวลาที่โกรธมากๆ ถ้าเทียบกับผู้หญิงก็เหมือนคนยืนกรี๊ดๆ อย่างนี้ ส่วนของเราก็จะเบรกดาวน์เลย เป็นคนโวยวายครับ ถึงขนาดที่เคยขวางข้าวของ แต่ว่าพอทำไปแล้ว รู้สึกเสียดายของ (หัวเราะ) เคยถึงขั้นโทรศัพท์มือถือหักอย่างนี้เลย แล้วสุดท้ายเราก็ต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่เอง เราก็รู้สึกว่าไม่ทำแล้วทำลายข้าวของ เวลาที่เราปรี๊ด เขาก็นิ่งครับ เขาเป็นคนนิ่งนะ แต่บางทีเราต้องการคำตอบ พอมันไม่มีคำตอบ นิ่งใส่เรา เราก็จะปรี๊ดขึ้นไปอีกครับ ซึ่งเราก็รู้มาตลอดว่าการปรี๊ดมันไม่โอเค เราก็เหนื่อยด้วย และบางทีถึงขั้นเป็นไมเกรนเลยครับ
ถาม อยากเข้าใจในมุมนี้ ในเมื่อเรารักเขา เพราะว่าเขาน่ารักและเซ็กซี่ แต่ตอนที่เราไปเป็นแฟนเขา แล้วไม่ให้เขาน่ารัก ไม่ให้เขาเซ็กซี่
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : เราหวงไง เพราะว่าเราเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เรารู้ว่าผู้ชายเวลามองผู้หญิงแต่งตัวโป๊มองยังไง มองจุดไหน แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา จะแต่งตัวยังไงก็เป็นเรื่องของเขา แต่ด้วยความที่เราเป็นคนหวงแฟน แฟนเราก็สวยเนอะ อย่างเรื่องที่เขาจะไปเที่ยว ผมอยากไปเฝ้า แต่ไปเฝ้าไม่ได้ เพราะว่าเมื่อก่อนผมถ่ายละครพฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ แล้วก็เป็นคิวที่มีทุกอาทิตย์เลย เพราะฉะนั้นวันที่ผมติดคิวถ่าย มันเป็นวันที่เขาเที่ยวกัน เราก็ไปไม่ได้ เราก็ถ่ายละครอยู่ มีความกระวนกระวาย ไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ วันนี้วันศุกร์ เราก็อยากไปด้วย แต่เพราะติดงาน พอเขาไปบ่อยๆ ทุกอาทิตย์ เราก็แบบเกินไปนะ เราก็หาเรื่องไม่ให้เขาไปเที่ยว เคยถึงขั้นที่ผมไปผ่าฟันคุดมา แล้วปวดฟัน หน้าบวม เราออกไปไม่ได้ แต่แฟนเราออกไป เราก็น้อยใจมาก เราปวดฟันขนาดนี้ เธอยังออกไปอีก แต่ตอนนี้พอมองย้อนไปตลกมาก เมื่อตอนนั้นเราก็แค่อยากอ้อน ไม่อยากให้เขาไป ก็หาเหตุผลมา ซึ่งพอเรามองย้อนไปในสิ่งที่เราทำ เราพยายามไปเปลี่ยนสิ่งที่เขาเป็นตัวเขา เมื่อก่อนผมคบใครก็อยากจะเปลี่ยนให้เขาเป็นเวอร์ชั่นในแบบที่เราแฮปปี้ หรือว่าเราอยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ โดยที่เราไม่ได้มองว่าเขาจะแฮปปี้ตรงนั้นหรือเปล่า
ถาม แล้วในทางกลับกัน เราเที่ยวไหม
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : ตอนที่คบกับคนนี้ไม่เที่ยวครับ เมื่อก่อนผมเป็นคนเรียบร้อยมากจริงๆ พี่อ้อย พี่ฉอด อาจจะดูไม่น่าเชื่อเท่าไหร่นะครับ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่อะไรเลย เรารู้สึกว่าเราไม่ชอบเลย ทำให้เราไม่อยากเที่ยวเท่าไหร่
ถาม ด้วยความที่เป็นคนดังมันก็มีข่าวมากมายเกิดขึ้น หนึ่งในสิ่งที่คนพูดถึงในยุคนั้นว่าเราขี้โมโห ขนาดว่ามันมีการทำร้ายร่างกาย
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : ไม่มีจริงๆ ไม่มีครับ อย่างที่ผมบอกว่าผมโมโหมากที่สุด ผมก็จะไปลงกับของแทน ทุบข้าวของบ้างครับ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทำอะไรเสียหาย ตอนเจอข่าว เราก็ตกใจมาก ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา ซึ่งสุดท้ายเราก็ปฏิเสธแหละ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่เราเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรเพิ่มกับนักข่าว เราไม่ต้องการที่จะไปต่อความยาวสาวความยืด และก็เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้ชาย บางอย่างมันไม่ควรพูด มันเหมือนออกมาสาวไส้ให้กากิน บางอย่างเรารับไว้เองดีกว่า ให้มันจบที่เรา คนจะมองยังไงไม่สำคัญ สมัยก่อนผมก็ถือว่าเฟลตัวเองมาก เราเป็นคนแคร์คนอื่น เขาจะมองเราอย่างไร ภาพลักษณ์ที่คนมองเรา ผมจะซีเรียสกับเรื่องนี้มาก แต่พอเราเริ่มเข้าวงการมานาน เริ่มมีภูมิคุ้มกัน แต่ตอนนั้นเราก็เจ็บปวดที่คนมองเราว่าเป็นแบบนั้น เจ็บปวดจนถึงขั้นที่เราแบบบอกกับตัวเองเลยว่าเราหมดศรัทธากับความรักแล้ว เราไม่คบใครจริงจัง จะเป็นเพลย์บอยไปเลย
ถาม ครั้งนี้เป็นครั้งที่เราอกหักครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตไหม
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : ใช่ครับ มันน่าจะเป็นเสียศูนย์ไปเลย แล้วก็ถึงขั้นกินเหล้าเมาทุกวัน จนป่วยเป็นไทรอยด์ เพราะกินเหล้ามากเกินไป สมมติผมไปทำงาน 7 โมงถึง 4 ทุ่ม ถ่ายละครเสร็จ ไม่กลับบ้านนะ โทรหาเพื่อน อยู่ไหน ไปเที่ยวกันทุกคืน ตลอด 6 เดือน จนผมป่วยเป็นไทรอยด์ เพราะไปเที่ยวตี 2-3 หรือบางวันตี 4 แล้วไปทำงานเป็นแบบนี้ 6 เดือน ป่วยจนผอม เราก็ทำไมอยู่ดีๆ เราผอม เหนื่อยง่ายอะไรอย่างนี้ กินวันละ 5-6 มื้อ น้ำหนักก็ไม่ขึ้น จนไปตรวจก็เจอว่าเราเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ครับ
ถาม กลายเป็นว่าในความสัมพันธ์ นอกจากเมาแล้ว คราวนี้ไม่ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์เลย
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : เรียกได้ว่าไม่จริงจังกับใครเลย เพราะเราบอกกับตัวเองว่าเราจะไม่จริงจังกับความรักแล้ว เราจะสนุก นึกในใจแบบนั้นมันก็สนุกดี จริงๆ แล้วแฟนคนต่อไปของผมที่ต่อจากคนนี้ ถือว่าโชคร้ายมาก เพราะเป็นคนคั่นเวลาที่เราไม่ได้จริงจัง เขาต้องมารองรับอารมณ์ที่เรายังติดค้างกับคนเก่าอยู่ เหมือนเรายังเศร้าอยู่ เขาก็ต้องปลอบเราครับ ซึ่งผู้หญิงคนนี้คนที่เป็นแฟนผมคนต่อไป แบบน่ารักมาก ไปเจอกันที่งานแต่งพี่เกลือ แล้วก็ไปเจอน้องคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็เพิ่งเข้ามาในวงการไม่นาน เราก็น่ารักจังเลย ดูสดใส เขามากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ก็เข้าไปคุยกับเขา เขาก็นึกว่าเราจะมาขอเบอร์เพื่อนเขา เพราะว่าในคืนนั้น ทุกคนจะเข้ามาหาเขาทั้งคู่ตลอด แต่จะไปขอเบอร์เพื่อนเขา แต่เรากลับมองว่าเขาน่ารัก เราก็เลยเข้าไปทักเขา คุยกับเขา เราก็บอกว่าเราชอบเขา ผมพูดตรงๆเลย พี่ขอเบอร์หนูได้ไหม เขาก็อึ้ง เขาเห็นว่าเรามองมาทั้งคืน แต่ไม่ได้คิดว่ามองเขา นึกว่ามองเพื่อนเขา แต่พอเราเอาเบอร์เขาไปเราก็ยังลืมคนเก่าไม่ได้ เขาก็ต้องมารับอารมณ์อะไรหลายๆ อย่างที่เรายังค้างคาอยู่ ซึ่งเขาก็โอเคนะ เขาเข้าใจ เขาจะดูแลเราเอง เวลาที่เราอารมณ์ไม่ดี ถึงขั้นร้องไห้ก็มีนะ เพราะเรื่องเก่ายังกลับเข้ามาในความคิด เขาก็ปลอบเรา จับมืออยู่กับเราไม่ถามเราเลยสักคำ คือเป็นเพื่อนที่ดี เป็นแฟนที่ดีมาก ซัพพอร์ตอารมณ์เราตลอด
ถาม เมื่อสักครู่เราพูดถึงความรักที่ผิดหวัง อกหักรุนแรงที่สุด ครั้งนี้คือความรักที่เรารู้สึกผิดกับเขามากที่สุด
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : ผมเป็นคนที่ไม่ได้พูดคำหยาบนะ แต่เป็นคนที่ชอบพูดภาษาโบราณ ชอบพูดคำเปรียบเปรย อย่างเช่น แทนที่เราจะพูดว่าทำไมไม่ดูตัวเองบ้าง เราผิด เขาผิดเหมือนกัน เราจะใช้คำพูดที่มันเจ็บยิ่งกว่านั้น เช่น ทำไมไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา ที่เราพูดออกไป เรารู้ เพราะเราตั้งใจให้เขาเจ็บ ซึ่งมันไม่ได้มีคำหยาบ แต่ว่ามันเป็นประโยคที่เจ็บมาก กลายเป็นว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนไม่ถนอมอารมณ์คน สิ่งที่เราพูดออก เราตั้งใจให้เขาเจ็บ เราเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรบ่อยๆ ถ้าเกิดเราพูดบ่อยๆ เรารู้สึกเหมือนว่าคุณไม่เรียนรู้ในสิ่งที่เราเป็นเลย เพราะฉะนั้นพอทะเลาะหรือไม่พอใจกันเรื่องเดิมๆ เราก็จะปรี๊ดแรงเลย จะไม่มี 1 2 3 ไป 10 แต่เราจะไป 10 เลย เขาก็ยอม เขาก็ร้องไห้ เวลาเราพูดแรงๆ กับเขา แล้วเป็นช่วงที่ผมตัดสินใจบวชให้คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอันนี้เป็นความตั้งใจของเราเอง พอเราบวช จากชีวิตที่เราเจอความวุ่นวายในวงการบันเทิง เราเจอความสงบแล้ว แล้วพอเราสึกมา เหมือนเรายังปรับตัวไม่ได้เรารู้สึกว่าเราอยากอยู่คนเดียว ซึ่งสิ่งที่เราได้มาจากการที่เราบวชคือความคิด คำพูด การกระทำต้องสำรวม พอเราสึกออกมาเรายังอินกับความที่ไม่อยากยุ่งกับใคร ถึงขั้นที่เราอยากขอเขาเลิก เขาก็งง แล้วก็เฮิร์ตหนักมาก ทำไมเขาทำอะไรผิด ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกดีอยู่พักหนึ่ง พอผ่านไป 3 เดือน เขาก็มูฟออนไปแล้ว ก็มีคนเข้ามาจีบเขา มาคุย กลายเป็นเราที่ไม่โอเคเอง เราอยู่ไม่ได้ เพิ่งรู้สึกตัวว่าเรารักเขา พอฟังเพลงเราร้องไห้ เราคิดว่าไม่มีเขาจะมีความสุข แต่จริงๆ คือไม่มีความสุขเลย เป็นหนักมาก โทรไปง้อเขา เขาก็งง เพราะเราบอกเลิกเขา เราก็ขอโอกาสเขา เพราะเราเพิ่งรู้ว่าเรารักเขา เขาก็บอกว่าเขาไม่อยากกลับไปเจอสิ่งที่เราทำกับเขา ซึ่งตอนนั้นที่เราคุยกับเขา เราก็คุยกับคนอื่นด้วย ซึ่งเขาก็รู้ เขาก็ยอม ซึ่งคนนี้เรารู้สึกผิดกับเขามาก เราทำไม่ดีกับเขา พูดไม่ดีกับเขาเลย เราก็เดินหน้าง้อเต็มที่เลยพี่ ทำทุกอย่าง ทำ MV ให้ด้วย ไม่ค่อยมีคนรู้ เราก็ขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง เราเขาก็ให้โอกาส เพราะเขาก็รักเราอยู่ 3 เดือนนั้นเขาก็กลับมา แต่ก็คบกันไม่นาน สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไป
ถาม ในหลายๆ บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน กลายเป็น ณัฏฐ์ อีกแบบหนึ่ง แล้วดันได้มาเจอความรักที่ดันได้ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ในอีกรูปแบบหนึ่งพอดี คือการได้มาเจอกับคุณนาน่า เจอกันยังไง
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : เป็นเพื่อนของเพื่อนครับ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่เราไม่ได้สนิทกับเขา แล้วก็ไม่ใช่สเปก แต่มันเริ่มอยู่ว่าช่วงหนึ่งเริ่มฮิตปั่นจักรยาน เราก็ปั่นอยู่ในแก๊งค์เดียวกัน เราชอบปั่นมาก จนแบบจะเสื้อขายดีไหม ทำเล่นๆ กัน ก็เลยได้ชวนคุณนิว เชื้อชาติ กับคุณนาน่า มาทำแบรนด์เสื้อผ้าจักรยาน พอทำไปทำมา เราก็สนิทกันเพราะเจอกันบ่อย พอเราเจอกันบ่อย เรารู้สึกว่าเราอยู่กับผู้หญิงคนนี้แล้วเราสบายใจ เขาเป็นผู้หญิงที่แปลก ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ คือผู้หญิงจะชอบอะไรกับตัวเองเยอะ ฉันสวยหรือยัง แต่เขาไม่อะไรกับตัวเองเลย อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเขาน่ารักคือเขาจะใส่ใจกับคนรอบข้าง พอมาถึงจุดหนึ่ง คนรอบข้างเรา ถามเราแทนว่าเราสองคนยังไงกัน เราก็มาถามตัวเองเราคงชอบเขาจริงๆ แล้วแหละ วันที่ขอเขาเป็นแฟน ก็บอกว่าเราเป็นแฟนกันนะ ขอแบบโต้งๆ เลยด้วยความที่เรามีความเป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว แล้วด้วยความสบายๆ นี่ ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งนี้แหละที่เราตามหามาตลอด เพราะว่าทุกอย่างไม่ต้องสร้างอะไร แค่เป็นตัวเอง เขาก็ไม่พยายามเปลี่ยนผมนะ ผมก็ไม่เปลี่ยนเขา ส่วนเรื่องของอารมณ์ ถามว่ายังร้อนอยู่ไหม นิดนึงครับ แต่เขาจะค่อยๆ พูดกับเรา เขาจะไม่แบบว่าจี้จุดตรงที่อารมณ์เรา เขาจะค่อยๆ อธิบายเรา พอเราเจอคนที่ใช้เหตุผลคุยกับเราแบบนี้ แล้วเขาไม่ได้บังคับเราว่าต้องซ้ายหรือขวา กลายเป็นว่าเหมือนคนมาเตือนสติเราว่าจริงๆ แล้ว ถ้าเกิดเราใจร้อน แล้วทำตามอารมณ์ เราคงพังไม่เป็นท่าเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทะเลาะกันหนักมาก เราเถียงเขาไม่ขึ้น เราจำนนต่อเหตุผลของเขา แต่เราไม่อยากยอม ยังเอาแต่ใจตัวเองอยู่ หมั่นไส้มาก ข้างหน้าเขากำลังเก็บเครื่องสำอางอยู่บนโต๊ะ เราก็กวาดเครื่องสำอางลงบนพื้น เขาก็ร้องไห้ งง เขาก็บอกว่าภูมิรู้ไหม เครื่องสำอางผู้หญิงมันแพง สุดท้ายเราก็ต้องขอโทษ นั่งปลอบเขา แล้วก็พาเขาไปซื้อใหม่ หนุ่มๆ อย่าทำนะครับ อันนั้นน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราโมโหรุนแรงขนาดนั้น ซึ่งก่อนที่จะใช้ชีวิตคู่กับคุณนาน่า ผมเป็นคนเจ้าระเบียบมากในการใช้ชีวิต แต่ผมเละเทะมากเลยในการใช้เงินตั้งแต่เข้าวงการมา เพราะเหมือนมันได้มาง่ายๆ เราก็ไม่เป็นไร ใช้ไปเดี๋ยวหาใหม่ เมื่อก่อนไม่เก็บเงินเลย ใช้เดือนละ 2-3 แสน ได้เงินก้อนมา ผมซื้อรถก่อนเลย แล้วเช่าบ้านอยู่หลังละ 3-4 หมื่นบาทเช่าอยู่ 10 ปี พอมาคบกับเขา เราถึงมีบ้านเป็นของตัวเอง เรารู้ว่าเราเก็บเงินไม่อยู่แล้ว เรารู้ว่าเขาเป็นคนจัดการเก่ง เราก็ฝากเขาเก็บเงิน อย่างผมได้เงินมา เขาก็จะแบ่งว่าอันนี้ เงินค่าบ้าน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายในอนาคตของลูกนะ อันนี้ก็จะเก็บไว้ในบัญชีที่ลืมเลย ไม่เอาออกมาใช้ ซึ่งพอเขามาเปิดให้เราดู มันก็มีหลายแสน เราไม่เคยทำแบบนี้ได้ พอเรามาอยู่กับเขา ชีวิตเราเข้ารูปเข้ารอย
ถาม เคยแอบโทษคุณพ่อว่าทำไมคุณพ่อถึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่วันนี้เราได้ผ่านทุกจุดมาแล้ว เราจะได้เป็นคุณพ่อคนแล้ว มีอะไรอยากจะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : เพิ่งได้มีโอกาสเปิดอกคุยกับคุณพ่อ เพราะว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวเราเจอเรื่องราวหลายอย่างมาก เราเคยถามเขาว่าภูมิใจในตัวเราบ้างไหม เราเป็นลูกชายคนเดียว เราอาจจะใช้ชีวิตแบบโลดโผนมาตั้งแต่เด็ก เราอาจจะทำให้เขาผิดหวัง เขาเป็นคนพูดน้อย แต่สำหรับแม่ เขาจะพูดกับเราตลอดว่ารักเรา ภูมิใจในตัวเรา แต่พ่อไม่เคยพูดให้เราฟังเลย แต่เรารู้ว่าเขารักและภูมิใจในตัวเรา แต่เขาเป็นคนพูดน้อย ซึ่งผมก็เพิ่งถามเมื่อไม่นานมานี้ว่าภูมิใจในตัวผมบ้างไหม พอเขามาเจอหน้าผม เขาบอกว่าเขาภูมิใจมาก เขาไม่คิดว่าเราจะโตมาเป็นเด็กดีได้ขนาดนี้ เขาก็บอกว่าเพื่อนเขามาชมตัวผมให้เขาฟังเยอะมาก เขาก็ตัวลอยเวลาเพื่อนมาชมลูก ซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็มีข่าวอะไรไม่ดีมาเยอะ แต่พอหลังจากที่ผมชก 10 Fight 10 เหมือนแเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง การเอาชนะมันไม่สำคัญเท่ากับการเอาชนะใจของตัวเอง และพ่อบอกว่าภูมิใจในตัวผม แค่นั้นมันก็พอแล้ว แล้วเขากอดเรา ทุกอย่างมันโอเคมาก ชีวิตเราไม่ต้องการขออะไรจากเขามากกว่านี้แล้ว (น้ำตาไหล) ชีวิตก่อนหน้านี้ ผมไม่มีอะไรที่ดีเลย แต่พอแต่งงานทุกอย่างคือมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา มีภรรยาที่ดี แล้วก็กำลังจะเป็นพ่อคน ผมไม่ขออะไรอีกแล้วชีวิตนี้
ถาม ก่อนมาคลับฟรายเดย์โชว์บอกว่ารู้สึกกลัว พอได้มาอยู่ตรงนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน : รู้สึกดีนะครับ เพราะว่าเราได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ อย่าง ผมเป็นคนพูดน้อย แล้วเราผ่านอะไรหลายๆ อย่างมาเราก็ไม่ได้อธิบายให้คนเข้าใจอะไรในตัวเรามาก เราไม่ได้กลัวเขาไม่เข้าใจ หรือดูเราไม่ดี แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมพูดวันนี้ จะไปกระทบต่อจิตใจภรรยาหรือเปล่า กังวลกับความรู้สึกภรรยามาก เพราะตั้งแต่เขาท้อง เราอยากให้เขาแฮปปี้ อยากให้ลูกเราออกมาสมบูรณ์ทั้งกายและใจ วันนี้รู้สึกสบายใจที่ได้พูดอะไรออกมาหลายๆ อย่างที่คนอาจจะไม่รู้ ไม่ได้เป็นการแก้ตัวนะครับ แต่เหมือนได้พิสูจน์ว่าตัวเราเมื่อเวลาทำผิดทำดีหรือไม่ดี จะรู้ตัวเมื่อไหร่ คุณจะรับกับตัวเองเมื่อไหร่วันนั้นแหละที่คุณจะเปลี่ยนตัวเองได้
ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป
Advertisement