เมื่อพูดถึง ไนกี้ นิธิดล จะต้องนึกถึงความหล่อกล้ามแน่นๆ เพราะละครเกือบจะทุกเรื่องที่เล่นนั้น ต้องมีฉากถอดเสื้อโชว์ซิกแพคให้ได้เกาะหน้าจอรอดูกันตลอด เมื่อมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ไนกี้ได้มาเปิดอีกมุมที่ไม่เคยมีใครรู้ เพราะถ้าไม่สนิทจริงๆ อาจจะไม่เห็นมุมนี้ของเขาเลย พร้อมเผยสถานะหัวใจยังโสดสนิท เพราะยังอยากใช้ชีวิตอิสระ และเปิดมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป หลังจากเข้าสู่โลกธรรมะ
ถาม ไนกี้เป็นนักแสดง สายละครได้รับผลกระทบตรงๆ เต็มๆ เลย
ไนกี้ นิธิดล : ใช่ครับ ตอนแรกก็เช็กคิวเดือนกรกฎาคม ทุกอย่างเลื่อนหมดเลย ต้องบอกว่าทำงานในวงการมาเกือบ 10 ปี ไม่เคยว่างเลย มีช่วงนี้แหละครับที่คิวว่างมากจนแอบตกใจเลยว่าเรามีเวลากับตัวเองเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ที่หยุดมาก็ประมาณ 3 เดือนแล้วครับ
ถาม แต่สามเดือนที่หยุดไป ไนกี้ก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปนะ เพราะเขาก็กลับไปช่วยงานที่บ้าน ส่งแก๊ส
ไนกี้ นิธิดล : ใช่ครับ เป็นธุรกิจของที่บ้าน เป็นแก๊สหุงต้ม ร้านของผมอยู่ที่สุมทรสาครครับ เราก็กลับไปช่วยคุณแม่รับสายโทรศัพท์เวลาที่คนมาสั่งของ ซึ่งก็เป็นงานที่เราเคยทำมาก่อนครับ
ถาม แล้วในมุมของคุณพ่อคุณแม่ที่เรากลับไปทำธุรกิจกับที่บ้าน เขาดีใจหรือเขารู้สึกยังไง
ไนกี้ นิธิดล : เขาดีใจนะครับ เพราะว่าเราได้กลับไปอยู่ด้วย เพราะว่าช่วงที่เราถ่ายละคร เรากลับไปอยู่กับเขาไม่ได้มากสักเท่าไหร่ พอได้กลับบ้านที แม่เขาก็จะเตรียมทำอาหารไว้ให้ทาน
ถาม อันนี้ต้องถามนิด เรียนจบด้านไหนมา
ไนกี้ นิธิดล : วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ครับ แต่เราไม่เคยทำงานตามที่เราเรียนจบมาเลยครับ เพราะว่าโอกาสที่เราเข้ามาในวงการบันเทิง เข้ามาตอนที่เราเรียนอยู่ ม.5-ม.6 แล้วครับ แล้วพอเราเรียนจบมา เราก็ได้โอกาสที่ดี ได้เข้าช่องเลย ก็เลยไม่ได้เข้าทำงานบริษัทไหนเลย แต่ที่บ้านของผมไม่ได้สนับสนุนให้เข้ามาในวงการบันเทิงเลยนะครับ เพราะเขาไม่ได้แฮปปี้ ผมมองว่าครอบครัวของผมเขาคงอยากให้เรารับราชการไปเลย หรือทำอะไรที่ดูมั่นคงกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขอให้เราไม่ทำเลยนะครับ แต่มีช่วงวัดใจมากกว่า ว่าจบแล้วนะ แม่ให้เงิน เซ็นเช็คให้ก้อนหนึ่งแล้ว ก็ถ้าหมดเราก็เลือกแล้วนะว่าเราต้องทำอะไร ก็เรียกว่าเป็นช่วงที่เราต้องเลือกแล้วว่าเราต้องยังไง แล้วเป็นช่วงที่เอ็กแซ็กท์ได้ให้โอกาสให้เราเข้าไปเรียน ทั้งรำไทย ดนตรีไทย การนั่ง การยืน แอคติ้ง มีการเรียนเยอะมาก แต่ช่วงนั้นคือเราก็ต้องเดินทางตลอด มีค่าใช้จ่ายตลอด แล้วเราก็ยังไม่ได้มีงานอะไร เราก็มานั่งคิดสิ่งที่เรารัก ถ้าวันหนึ่งมันไปไม่ถึง เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าเงินที่มีมันหมดก่อน แต่สุดท้ายก่อนที่เงินจะหมดคือเฉียดมากเลยนะครับ ได้ละครเรื่องแรกพอดี ระยะเวลาที่กว่าจะได้เงินก็ประมาณเกือบปีเลยครับ ซึ่งพอเรารู้ว่าเราได้ละครเรื่องแรก จำได้เลยว่าตัวเองร้องไห้เลย แล้วคนแรกที่เราโทรไปบอกคือแม่ บอกท่านว่าแม่ไนได้ละครแล้วนะ เรารักท่านมาก เพราะว่าท่านลำบากมาเยอะ แล้วก็ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีเราในวันนี้ครับ พอบอกแม่แล้ว ท่านก็บอกเราว่า ดีใจด้วยนะลูก ผมว่าลึกๆ พ่อแม่ทุกท่าน ดีใจและคอยสนับสนุนให้ลูกได้ทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำแหละครับ แต่ว่าท่านก็จะสอนให้เรารู้จักที่จะต่อสู้ด้วยตัวเองว่าจะต้องทำยังไง เพราะถ้าเรียนจบแล้วจะมาเดินเตะฝุ่นอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ
ถาม ในครอบครัวมีพี่น้องกี่คน
ไนกี้ นิธิดล : 3 คนครับ พี่สาวคนโต ผมคนกลาง น้องชายคนเล็ก ถามว่าตัวผมดื้อไหม ก็เอาเรื่องอยู่ครับ (หัวเราะ) ซึ่งสำหรับตัวของผมมีหลายมุมมากครับ ก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียบร้อยแล้ว แต่คนจะติดภาพจากบทบาทที่เราแสดงมาว่าเราเป็นคนเรียบร้อย เพราะบทที่ได้รับก็จะเป็นคุณชายเลยทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเราเรียบร้อย แต่ก็มีนะครับ บางคนมองว่าเราเป็นคนสองบุคลิก แต่จริงๆ แล้วก็น่าเป็นไปได้นะครับ เพราะบางมุมผมก็หัวเราะ สดใส ร่างเริง แต่อีกมุมก็คือโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงเลยครับ เพราะว่าถ้าเราไม่ได้รู้จักเราก็ไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นคุยกับเขายังไงก่อนดี
ถาม แต่เห็นไนกี้ตัวใหญ่ เข้าฉากบู๊ปกป้องสาวๆ ในละคร แต่จริงๆ แล้วใจของเขาคือกลัวทุกอย่าง
ไนกี้ นิธิดล : เรียกว่าขี้น้อยใจดีกว่าครับ แต่เรื่องกลัวก็ไม่ได้เป็นมาก แต่จะเป็นคนที่เซนซิทีฟกับเลือด เพราะพอเห็นแล้วเราจะมีอาการแบบใจสั่น หวิวๆ ครั เคยไปบริจาคเลือดมาเหมือนกัน ครั้งนั้นร่วงเลย แบบมันหน้ามืดไปเลยครับ แต่ครั้งล่าสุดช่วงที่เริ่มมีโควิดแล้ว ผมก็ไปบริจาคเลือด หลังจากบริจาคแล้วก็ปกติดีนะครับ มันเริ่มมีอาการตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำ เรารู้สึกเหมือนจะวูบ แต่ดีที่ผมจับผนังได้แล้ว อหลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัวเลยครับ แล้วมารู้สึกตัวอีกครั้ง เราอยู่บนเตียงแล้ว ส่วนเรื่องที่กลัวจริงๆ กลัวต้นหอมในบะหมี่ แค่เห็นเราก็ไม่โอเคแล้ว เพราะว่าเราฝังใจ เคยทานแล้วเราอาเจียน ซึ่งเราก็พยายามที่จะทานและสู้กับมันนะครับ แต่ไม่ได้จริงๆ อาจจะเป็นการฝังใจของเราไปเลย
ถาม อีกเรื่องคือทำไมไนกี้ไม่มีแฟน เหตุผลเพราะแม่หวง ยังไม่อยากเลือกใคร หรือเพราะเรายังอยากอิสระ
ไนกี้ นิธิดล : เรายังไม่อยากมีแฟน แล้วก็ยังรู้สึกว่าอยากจะอิสระอยู่ครับ และอีกอย่างคือเราอาจจะยังไม่เจอคนที่เราถูกใจด้วยครับ แต่ก็มีคุยๆ แต่เรายังไม่ได้มีใครพิเศษขึ้นมาจากการที่เราคุยตรงนั้นเลยครับ และก็ยังไม่เคยมีใครที่เราพาใครเข้าบ้านครับ
ถาม ซึ่งเวลาที่ไนกี้เล่นละคร เขาจะเล่นบทตบจูบสมจริงสมจังมาก ถอดเสื้อปล่อยมาก
ไนกี้ นิธิดล : ก็ถ้าวันไหนที่จะมีฉากถอดเสื้อคือ ผมก็จะไม่ทานข้าวเลย เพราะว่าถ้าเราทานข้าวในปริมาณที่เยอะยังไงมันก็ต้องออกอยู่แล้ว หรือถ้าจะทานอะไร เราก็จะทานให้แค่อยู่ท้องประมาณหนึ่งเท่านั้น
ถาม แต่มีอีกสิ่งที่ไนกี้กำลังทำอยู่ตอนนี้ อาจจะทำให้สาวๆ ช็อค เพราะว่าเขาจะละทางโลก เข้าสู่ทางธรรมะ
ไนกี้ นิธิดล : ตั้งแต่เริ่มโควิดรอบแรก ทำให้เรามีเวลาว่าง แล้วก็เห็นอะไรเยอะแยะมากมาย คนติดโควิดหรือเสียชีวิตจากกันโดยที่ไม่ได้ร่ำลากัน เห็นแบบนี้เยอะมากทุกวันๆ เราก็เลยหันมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วเราก็รู้สึกคิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่เราพยายาม เราขวนขวายไป จริงๆ เราทำไปเพื่ออะไรกัน มันมีคำถามกลับมาถามตัวเองตลอดเวลา เราเหนื่อยพอหรือยัง ถ้าเลือกได้ ว่าเกิดหรือไม่เกิด ผมจะไม่เลือกเกิดครับ แต่เราไม่ได้แบบธรรมะจ๋า อะไรขนาดนั้นนะครับ มันเป็นแค่แว๊บนึงที่เข้ามาในช่วงนี้ มันว่าง แล้วเราได้อยู่กับธรรมะ ไม่แน่บั้นปลายชีวิต ถ้าเราไม่ต้องมีห่วงคุณพ่อคุณแม่แล้ว เราจะยังไง อาจจะไปหาที่สงบๆ สักที่ ซึ่งเป็นความคิดที่เข้ามานะครับ
ถาม ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่าไนกี้คือนักแสดงอิสระที่รักในอาชีพของนักแสดงและคิดถึงการทำงาน
ไนกี้ นิธิดล : ใช่ครับ คิดถึงกองละครมาก เราจะรู้สึกว่าเรามีความสุขทุกครั้งที่เราได้เจอเพื่อนๆ ได้เจอพี่ๆ ทุกคน คิดถึงมากเลย เราก็คิดว่าเมื่อไหร่ที่เราจะได้กลับไปถ่ายละคร เราก็รอวันไหนอยู่ ตอนนี้ก็มีเรื่องที่ถ่ายทำสร้างแล้วรอออกอากาศ และมีเรื่องที่ถ่ายทำค้างอยู่และมีอีกเรื่องคือของพี่ฉอดครับ
Advertisement