"เสรีพิศุทธ์" เอาใจช่วย "ก้าวไกล" ไม่อยากให้ถูกยุบ มองบุคลากรมีคุณภาพ แม้มีนอกลู่นอกทางบ้าง แต่เชื่อ "พิธา" โดนแน่ๆ
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรค เสรีรวมไทย กล่าวถึงประเด็นศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยยุคพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ต้องดูคำวินิจฉัย ซึ่งมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 -2 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยห้ามกระทำอีก แต่ขณะนั้นไม่ยังมีการขอให้ยุบพรรคก้าวไกล
อย่างไรก็ตามต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการร้องให้ยุบพรรค ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีการพิจารณาว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 และ 2 สมควรถูกยุบหรือสมควรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งคำวินิจฉัยเดิม ถือเป็นการล้มล้างการปกครองฯ มีความผูกพันทุกองค์กร จะถือเป็นหลักในการวินิจฉัยว่าจะยุบพรรคหรือไม่ โดยนายพิธา ตนมองว่าอย่างไรก็โดนแน่ๆ ส่วนพรรคจะโดนไหมนั้น หากดูตามกฏหมายมีกรรมการบริหารพรรคการกระทำของพรรค ถือการกระทำของกรรมการบริหาร หากใครที่ไม่ใช่ถือว่าไม่เกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค สส. ฉะนั้นผู้ที่จะถูกลงโทษคือนายพิธา และ กรรมการบริหารพรรค ฉะนั้นย้ำว่า เมื่อทำผิดก็ต้องยุบพรรค
“สำหรับตนอยากเอาใจช่วยเขา แม้รู้ว่ากฎหมายเป็นอย่างไรแต่ไม่อยากให้ยุบพรรค เพราะเห็นว่าคนพวกนี้เป็นบุคลากรที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งเห็นความตั้งใจในการทำงานผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร แต่อาจมีสส. ที่นอกลู่นอกทางประพฤติไม่ดีซึ่งถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ระบบพรรคเขาดี หากถูกยุบตนก็เสียดาย แค่ก็สามารถแต่งตั้งคนอื่นมาดำเนินการต่อได้”
นอกจากนี้ ตนมองว่าการปกครองบ้านเมืองต้องอยู่ที่กฎหมายมากกว่าบุคคล ซึ่งแต่ละบ้านเมืองมีกฎหมาย เช่น ใครไปชิง ปล้น ฆ่า ต้องถูกจับถูกดำเนินคดี แต่หากไม่มีกฎหมาย ก็สามารถทำอะไรได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องยึดถือกฎหมาย สำหรับประเด็นของพรรคก้าวไกล ก็เช่นเดียวกันที่มีกฎหมายระบุไว้ การที่จะไปฟังว่าหากยุคพรรคก้าวไกลจะเกิดปัญหาไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีกฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน แต่ที่ผ่านมากลับไม่ยึดกฏหมายมีการแต่งตั้งอาวุโสอันดับ 4 ขึ้นมา จึงทำให้มีการแก่งแย่งแบบปัจจุบัน
Advertisement