“ช่อ-พรรณิการ์” อุบตอบชื่อพรรคใหม่ ชี้ชื่อพรรคแค่รหัสที่ใช้ร่วมกัน ส่วนหัวหน้าพรรค ไม่ได้เอาเสาไฟฟ้าให้เลือกแทนคนแน่
ทีมข่าวอมรินทร์ออนไลน์ ถามชัดๆ กับ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า/อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตโฆษกและคณะกรรมการพรรคอนาคตใหม่ ว่ายุบพรรคก้าวไกลแล้วเดินหน้าอย่างไร โดยเจ้าตัว มองว่า ไม่เป็นปัจจัยอะไรเลย ย้ำอยู่เสมอว่าการที่ยุบหรือไม่ยุบพรรค ไม่ได้เป็นปัจจัยในการสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้ง แต่อย่ายอมรับว่าการยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ยิ่งถ้าบอกว่ายิ่งยุบยิ่งโต ส่วนตัวมองว่ามันสุ่มเสี่ยงมากที่จะทำให้คนชินชากับการยุบพรรคซึ่งตนมองว่าอย่าชินกับความชั่วร้ายและไม่เป็นธรรมเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณชินกับความไม่เป็นธรรมและยอมรับว่ามันเป็นเริ่มปกติหมายความว่าคุณอนุญาตให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับทั้งตัวคุณเองและคนอื่น
ส่วนตัวไม่เคยมีคำถามในเรื่องนี้เลย เพราะมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นกลไกหรือองคาพยพ ที่ท้าทายต่อผู้มีอำนาจเดิมในสังคมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และผูกขาดรวมศูนย์อำนาจ รวมถึงที่ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในสังคมไทย เพราะถ้าเราไม่ไปท้าทายผู้มีอำนาจเหล่านี้พรรคคงไม่ถูกยุบ ถ้าสมมุติพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกล มีสส. 20-30 คนในสภา พรรคคงไม่ถูกยุบ เพราะพวกเรามีศักยภาพในการ ท้าทายผู้มีอำนาจ และมีศักยภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ กับประชาชนในประเทศนี้ได้จริง พวกเขาจึงต้องยุบเรา
ขณะที่สิ่งที่คนอยากรู้ หากก้าวไกลถูกยุบ คือชื่อพรรคใหม่ ทางช่อ-พรรณิการณ์ขอถามว่า มีความหมายไหม? สมมุติว่าเขาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคสิบไกลคุณอาจจะบอกว่าคุณไม่ชอบชื่อพรรคนี้ คุณจะไม่เลือกเขาแล้วเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วส่วนตัวมองว่าชื่อเป็นเพียงแค่รหัสที่เราใช้ร่วมกันในการเรียกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรมันก็จะเป็นชุดความคิดอุดมการณ์แบบอนาคตใหม่อยู่เสมอ ส่วนจะถามว่าเตรียมชื่อไว้หรือยังคงต้องไปถามพรรคก้าวไกลมากกว่า ซึ่งถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกลจริงๆชื่อพรรคและหัวหน้าพรรคคนใหม่ คงเป็นเรื่องที่ออกมาตามธรรมชาติและได้รับการยอมรับจากประชาชน
ส่วนหัวหน้าพรรคจะเป็นใครนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นตัวแทนของอุดมการณ์แนวทางการทำงานแบบก้าวไกลได้ ตนเองก็ไม่เคยพูดว่าเอาเสาไฟฟ้ามาเป็นหัวหน้าพรรคก็ชนะเพราะประชาชนเลือกเพราะพรรค เพราะคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค ต้องได้รับความเชื่อถือในวงกว้างจากประชาชนว่าเป็นพรรคก้าวไกลจริงๆ และยังจะต้องเป็นคนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านต่อไปและในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเขาคือแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีที่ควรจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถ้าพรรคก้าวไกลยังคงครองอันดับ 1 ได้อยู่ไม่ใช่ใครก็ได้แน่นอน ซึ่งในพรรคก้าวไกลมีคน ที่มีความเหมาะสมมีแนวทางการทำงานมีชุดคุณค่าอุดมการณ์แบบอนาคตใหม่เต็มเปี่ยมอยู่หลายหลายคน เชื่อว่าพรรคจะเลือกคนที่เหมาะสมขึ้นมาได้ไม่ยากนัก
ส่วนออร่าใครมาวิน หัวหน้าพรรคคนใหม่ หากก้าวไกลไม่ได้ไปต่อนั้น เจ้าตัวตอบว่าอันนี้หัวหน้าพรรคหรือคนทรงอันนี้คงไม่ได้ มองที่ออร่ามั้ง คงต้องมองกันที่ความรู้ความสามารถ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าในแง่ของความรู้ความสามารถความเหมาะสมในแง่คุณค่าอุดมการณ์มีหลายคนส่วนตัวคงไม่สามารถพูดได้เพราะไม่ใช่พรรคก้าวไกล แต่เชื่อมั่นว่าเรื่องนี้ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบจริงๆคงจะเป็นที่ทราบว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นใครคงไม่มีประโยชน์จะมานั่งดาวกันเหมือนกับแทงผลฟุตบอล
ส่วนสิ่งที่อยากฝากถึงด้อมส้มนั้น ตนขอใช้คำว่าผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลแทนด้อมส้มเพราะเชื่อว่าคนที่สนับสนุนพรรคนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อความเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทางที่ดีเชื่อในประเทศไทยที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่านี้ได้ด้วยกัน ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกคนคือเจ้าของพรรคซึ่งเจ้าของพรรคในที่นี้ไม่ใช่พิธา ชัยธวัช ศิริกัญญา รังสิมันต์ วิโรจน์ หรือพริษฐ์ แต่คือประชาชน เพราะฉะนั้น ส่วนตัวดิฉันเองไม่มีอะไรจะฝากถึงพวกเขา ประชาชนย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า พรรคการเมืองนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคือพรรคที่ประชาชนเป็นเจ้าของเป็น 1000 ที่ประชาชนร่วมกันสร้างร่วมกันผลักดันจนนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 และจะร่วมกันผลักดันให้พรรคเติบโตร่วมกัน เพื่อให้เกิดแนวทางการทำงานทย์คงคุณค่าแบบอนาคตใหม่ที่พวกเราเชื่อถือกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วก็จะช่วยกันผลักดันผลักให้เดินหน้าไปถึงชัยชนะในวันเลือกตั้งปี 2570 ได้ เพราะปี 2570 เป็นปีหมุดหมายสำคัญหากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงเสียทีจะสามารถได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารจัดการนโยบายและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้เสียที จะได้ส่งมอบนโยบายเติมเต็มคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังได้เสียที เราประชาชนหลายคนตายจากไปโดยไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา
Advertisement