"ภูมิธรรม"สั่งให้ข้อมูลจริง ไม่โกหกปชช. ยันไม่ท่วมหนักเหมือนปี 54 มั่นใจน้ำไม่ถึง กทม. ขอประชาชนสบายใจได้ คาดรัฐบาลชุดใหม่ทำงาน 15 ก.ย.นี้
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่ จ.น่าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาถึงท่าอากาศยานน่านนคร จ.น่าน เพื่อปฏิบัติราชการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน
โดยจุดแรกเดินทางไปยังวัดอัมพวัน (ม่วงใต้) ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำผ่านรถ Mobile War Room พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย 728 หลังคาเรือน และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำจาก นางรอยบุญ รัศมีเทศ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)
โดยรายงานถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรายวันของกรมชลประทาน คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ แม้ว่าขณะนี้เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้ก็เกิดเหตุเช่นเดียวกัน ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่ใช่แค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งแล้ว
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานรับทราบ และขอให้ติดตามสถานการณ์อย่าเพิ่งวางใจเพราะฝนยังตกอยู่ และขอให้มีการกระจายรถโมบายไปในหลายพื้นที่ รวมถึงให้เชื่อมโยงข้อมูลไปยังส่วนกลางด้วย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังต้องจับตาอยู่ รวมถึงสถานการณ์ที่ จ.สุโขทัย ที่สถานการณ์อาจจะหนักได้ เพราะน้ำเริ่มไหลลงไปยังพื้นที่ จ.สุโขทัย และขอให้ใช้โดรนติดตามความเคลื่อนไหวของมวลน้ำ
นายภูมิธรรมยังขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ข้อมูลแก่ประชาชน จากกรณีกระแสข่าวว่าน้ำอาจจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 เพื่อที่ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ
จากนั้น นายภูมิธรรมได้พบปะให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย โดยกล่าวว่า รัฐบาลทราบปัญหา และพร้อมแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาว จ.น่าน แพร่ และเชียงราย รัฐบาลพยายามคาดการณ์ล่วงหน้าถึงจุดต่างๆ ที่จะเกิดเหตุการณ์ ซึ่งเครื่องมือขณะนี้ค่อนข้างตรงกับสถานการณ์ จึงอยากให้ประชาชนรับฟังข่าวสารเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนเดิมจากภาวะโลกร้อน จึงต้องพูดถึงต้นตอต้องช่วยกันดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ ตนเคยพูดเรื่องนี้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถึงปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ใช้เงินมาก จึงควรทำเรื่องน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยพูดเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งช่วงต้นปี 2554 สั่งเตรียมงบประมาณไว้ 2-3 ล้านล้านบาท แต่ครั้งนี้ประมาณการไปว่า 5-6 ล้านล้านบาท คิดว่าจะทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากแต่คุ้มค่าในระยะยาว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อย น้ำครั้งนี้เป็นน้ำหลาก ขังไม่นาน ดีกว่าปี 2554 ที่ครั้งนั้นน้ำไม่มีที่ไป การที่เราบริหารจัดการควบคุมได้ดีสถานการณ์ก็จะเบาบางลง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือน ซึ่งตนได้สั่งการทุกหน่วยงานไปแล้วทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าอย่าให้ของขาดตลาด และอย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า กระทรวงคมนาคมให้ดูแลเรื่องการสัญจร และดูถึงอนาคตว่าเส้นทางไหนที่สามารถช่วยระบายน้ำได้โดยไม่ต้องรอให้น้ำมาก็สามารถให้เจาะถนนเพื่อเป็นการรอระบายได้เลย กระทรวงอื่นๆ ก็มีการทำงานร่วมกัน ขอให้ประชาชนสบายใจได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาด้วย แม้ว่าท่านได้รับการเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกฯ แล้ว แต่กระบวนการจนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้มีอีกหลายขั้นตอน ต้องจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุดคาดว่าภายในสิ้นเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนจะแล้วเสร็จ และจะถวายสัตย์ปฏิญาณแถลงนโยบายต่อรัฐสภาน่าจะไม่เกิน 15 กันยายนนี้ จะได้รัฐบาลใหม่เพื่อดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
“น.ส.แพทองธาร ได้แต่แสดงความห่วงใย และอึดอัดใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น ขณะนี้จึงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลเดิมโดยจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
นายภูมิธรรม ย้ำว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และไม่ว่าฝนจะตกอย่างไรก็จะไม่ไปถึง กทม. ขอให้สบายใจได้ ส่วนที่มีความกังวลว่าน้ำจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 รัฐบาลเอาข้อมูลมาดูแล้ว ยังมีที่ว่างในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนเพียงพอรับน้ำได้ ขอความกรุณาวันนี้ประชาชนทุกข์ยากมากพอแล้ว อย่าสร้างความตื่นตระหนก อยากให้ช่วยให้ข่าวดี แต่ไม่โกหกพี่น้องประชาชน พูดแต่ให้ข้อเท็จจริง ยืนยันรัฐบาลดูแลเต็มที่
เมื่อถามย้ำว่า จะได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ในวันที่ 15 กันยายนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงการคาดการณ์ของตน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และกฎหมาย
Advertisement