“บิ๊กเต่า” นำทีมบุกรวบ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจกรมทางหลวง พร้อมแก๊งลูกสมุน เรียกเก็บส่วยรถบรรทุก พบเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านต่อเดือน
วันที่ 3 ก.ย. 67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นายจักรกฤษณ์ ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นำกำลังเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย “เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วยรถบรรทุก”
เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 11 จุดทั่วประเทศ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าว
จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญในขบวนการดังกล่าว ได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายนพดล (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check นายอเนก (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา และ นายธงชัย หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือน ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อคอยเคลียร์กับผู้ประกอบการรถบรรทุก ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3
ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พร้อมเชิญตัว นายประทิน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีม้ามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้เมื่อกลางปี 66 ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกยื่นเรื่องร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ หลังถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกับพลเรือน เรียกเก็บส่วย รถเครน และ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ต่่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. รวมถึง พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เร่งสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบข้อมูลสำคัญว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ (สคน.) หน่วยงานในสังกัดของกรมทางหลวง ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่วิ่งบนทางหลวง แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่ในการเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ เรียกเก็บเงินส่วยรายเดือนจากผู้ประกอบการเพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี
โดยมี นายธงชัย คอยทำหน้าที่หน้าเสื่อเป็นผู้เข้าไปเจรจาเรียกรับเงินแทน หากผู้ประกอบการรายใดไม่ทำตามก็จะถูกกวดขันจับกุมอย่างหนักจนกระทบต่อกิจการ โดยทำเช่นนี้มานานหลายปี ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการตกเป็นเหยื่อกว่า 30 ราย มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง โดยแต่ละรายจะต้องจ่ายส่วยรายเดือน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท มีเงินส่วยหมุนเวียนตกเฉลี่ยต่อเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้มาจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีม้า ที่เปิดโดยนายประทิน ก่อนจะถูกโอนถ่ายไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่หัวหน้าขบวนการตามลำดับ
เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบหารวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆกว่า 30 คน รวมถึงข้อมูลบัญชีธนาคารผู้รับส่วย บัญชีม้า บัญชีผู้จ่ายส่วย ภาพถ่ายกล้องวงจรปิด ธนาคาร กล้องโทรศัพท์มือถือของพยาน ขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวเข้าตรวจค้นห้องทำงานที่ ด่านบางประอิน และ ด่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
Advertisement