วันที่ 22 พ.ย. 67 ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และสภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมเรื่อง การพักรักษาตัวที่ชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง
โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า กรณีของนายทักษิณ ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนที่ตนจะเป็นรัฐมนตรี และนายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67 เอกสารของกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 66 พบว่า มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่านายทักษิณจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งกรมราชทัณฑ์ หากไม่มีหมายอาญาหรือหมายของศาลจะเข้ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้ จึงได้แต่งตั้งคณะขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นมองได้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะยังไม่ได้มีการฟอร์มว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเลือกนายกฯเกิดขึ้นในที่ 22 ส.ค. และตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า จึงต้องให้ความเป็นธรรม แต่เหตุที่ตนต้องมาชี้แจง เหมือนกรรมาธิการชุดนี้ไปด้อยค่ากรมราชทัณฑ์ ไม่ให้เขาได้มีโอกาสชี้แจง และเลือกถ้อยคำบางประเด็น ตนยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีการแบ่งเกรดของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตามการใช้ศักยภาพ ต้องขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่ต้องรักษา ซึ่งมีการระบุชัดว่าโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นสถานที่คุมขัง หากประชาชนรับไม่ได้ก็ต้องไปแก้ที่กฎหมาย
กรรมาธิการในสัดส่วนพรรคประชาชนได้สอบถามถึงการส่งตัวผู้ถูกคุมขังไปยังโรงพยาบาลนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ควบคุม 2 คนตามกฎระเบียบไว้หรือไม่ รวมถึงมีการจัดห้องแยกให้กับผู้ต้องขังหรือไม่ เนื่องจากกฎกระทรวงนั้นถือเป็นข้อห้าม และมีการจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมหรือไม่
โดยภายหลังจากที่มีการซักถามเสร็จสิ้น พ.ต.อ.ทวี ได้บอกประธานกรรมาธิการฯ ให้ระวังเอกสารลับเรื่องของการรักษาตัว เนื่องจากมีสื่อมวลชนกำลังบันทึกภาพอยู่ และถามย้ำกับช่างภาพว่า ถ่ายภาพติดหรือไม่ เนื่องจากกังวลเรื่องสิทธิ ก่อนที่จะชี้แจงต่อว่า ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯได้จัดบุคคล ยืนยันว่าไม่ใช่ห้องพิเศษ และนายทักษิณ เคยถูกปองร้ายเคยโดนคาร์บอม ตนเห็น สส. 100 คน มีบทบาทอย่างนี้ได้อย่างไร เมื่อเรียกร้องให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การดำเนินการใช้ห้องควบคุมพิเศษ ก็เป็นดุลยพินิจของผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ และการเข้าเยี่ยมก็มีรายการการเข้าเยี่ยมทั้งหมด การเอาสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดทำร้ายกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม มีคนนำคำพูดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีการสอบอย่างละเอียด พร้อมยืนยันว่า กรรมาธิการไม่ใช่การสอบสวนในทางการเมือง เราต้องไปข้างหน้า อย่ามาด้วยค่ากัน แต่ตนมีหลักฐานยืนยันตามระเบียบทั้งหมด
พร้อมอธิบายห้องพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ถูกมองว่าไม่ได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่น ว่าการพักรักษาตัวของผู้ต้องขัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้เอาไปอยู่รวมกัน สามารถดูได้ตามโรงพยาบาลต่างๆ และยืนยันว่าข้าราชการกระทรวงยุติธรรมไม่มีสิทธิ์ใช้ดุลยพินิจต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างตามพ.ร.บ.ราชฑัณฑ์ ปี2566
และเจ้าหน้าที่คุมขัง ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการอยู่ราชทัณฑ์ ต้องมีการเข้าออกตามเวลา เท่าที่รู้ กรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินก็เข้าไปดูว่าท่านป่วยจริงไม่ เช่นนั้นรายงานจะออกมาว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ยุติ พอเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดเหตุก็ไปตีข่าวกันมาก ข้าราชการทำงานกันอยู่ เราไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่เราทำตามกฎหมายและระเบียบที่ให้ไว้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจในเรื่องการตรวจสอบที่มีความลำบากใจในหลายอย่างแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนตั้งคำถาม หากรัฐมนตรีและราชทัณฑ์ให้ข้อมูลครบถ้วนก็จะสิ้นสงสัย
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การใช้ดุลยพินิจกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ตนยืนยันว่า คนที่เข้าเรือนจำต้องควบคุม ห้องที่นายทักษิณไปอยู่คือห้องควบคุมพิเศษ ในความหมายของตน ส่วนป้ายที่เขียนว่า ตึกนี้ชั้นนี้ เป็นพรีเมียม ตนไม่ทราบ เพราะเป็นที่รักษาคนทั่วไป ญาติพี่น้องตำรวจคนเดียวใครก็ได้เข้าไปรักษา คนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน คนทั่วไปก็อยู่ได้อย่างนางอองซาน ซูจี ยังถูกกักขังที่บ้าน ประเด็นตรงนี้เราต้องควบคุม ในลักษณะที่ยังต้องราชทัณฑ์อยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการหลบหนี ไปก่อเหตุร้าย
ส่วนผู้ที่ไปเยี่ยมตำหนิกรมราชทัณฑ์ว่าเปิดให้เยี่ยมน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วใครก็ได้ที่ต้องการจะต้องให้เยี่ยม เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่กรมราชทัณฑ์ก็กำหนดเอาไว้ และผู้ที่เข้าไปเยี่ยมทั้งหมด ทั้งคนที่อ้างว่าไปเข้าพบมา ขอตรวจสอบได้เพราะเรายืนยันว่ามีรายชื่อทั้งหมด หากจะไปทางหนีไฟหรือไม่ ตนก็ไม่รู้ ยืนยันข้าราชการรักษาศักดิ์ศรี และไม่ทำอะไร ที่จะต้องมาโดนเช่นนี้ หากจะดูรายชื่อก็สามารถดูได้แต่ตนขอยืนยันว่าห้องนี้เป็นห้องควบคุมพิเศษและห้องรักษา และตนก็ไม่เคยเดินทางไปพบนายทักษิณขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “ท่านทวีช่วยตอบหน่อยได้หรือไม่ว่า คณะกรรมการที่ช่วยนายทักษิณเป็นการใช้อำนาจโดยชอบหรือไม่เป็นการช่วยเหลือ”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุทั้งหมดแ ละเหลือโทษไม่มาก การให้คะแนนจึงเป็น 9 คะแนน ซึ่งหมอวินิจฉัยโรคดีกว่าตนวินิจฉัยเป็นผู้วินิจฉัยว่าเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดมีโรคหลายโรคและไม่มีผู้อื่นเห็นแย้ง อย่าผู้แทนอัยการสูงสุดกล่าวว่าการพิจารณาเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุและการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถือเป็นการจำคุกถือเป็นส่วนหนึ่งของเรือนจำ และมีผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพราะฉะนั้นตนคิดว่าหากจะให้ตนวินิจฉัยโรคตนชอบให้หมอวินิจฉัยมากกว่าเพราะถ้าเป็นตนเป็นคนให้ยาท่านประธานคงไม่เอาเหมือนกัน จึงขอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่เอกสารส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายรังสิมันต์ จึงถามต่อว่า เข้าใจว่า พ.ต.อ.ทวีไม่ใช่หมอ แต่ผลที่ออกมามันเหมือนจะเป็นไปตามนั้น เหมือนดูนายทักษิณสุขภาพดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ได้มีการตรวจสอบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านหรือไม่ว่าเป็นการใช้อำนาจมิชอบ
พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่าได้ให้รองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบและทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ตรวจสอบกรณีนี้ แล้วไม่มีอะไรผิดกฎหมาย และยุตติเรื่องไปแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการพิจารณาการพักโทษของแต่ละคนจะพิจารณากันหนักมาก
ทำให้นาย ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นว่า คำถามบางคำถาม และการชี้แจงไม่ใช่หน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี อย่างเช่นที่จะไปชั้น 14 ส่วนกรณีชั้น 14 คุณอยากไปหรือใครอยากไปมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี บางอย่างไม่ใช่ท่านจะสั่งการได้ เพราะจะมีกระบวนการในการเสนอมา
“หากใครยังมีความสงสัยอยู่ ขอแนะนำง่ายๆ ถ้าอยากจะใช้บริการของท่านรัฐมนตรีก็ลองไปเป็นนักโทษดู ท่านจะรู้ว่าท่านทักษิณได้ใช้บริการนี้คุณจะได้ใช้บริการเดียวกันหรือไม่ พูดกันตรงๆ ในฐานะที่ชีวิตเคยผ่านคุกผ่านตารางมาก่อน” นายประยุทธ์ กล่าว
ส่วนเรื่องการรักษา พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายแพทย์ใหญ่ เขาชี้แจงว่า เอกสารที่ส่งให้ ป.ป.ช.เหลือเพียงแค่ตัวเวชทะเบียน เนื่องจากเป็นสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติตามมาตรา 7 ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล ส่งให้ ป.ป.ช.ไปแล้ว เพราะว่ามันจะมีทั้งราคา รายละเอียดการรักษา มีรายงานว่า วันไหน ผ่าตัด วันไหนทำ MRI ซึ่งมันเหนือกว่าเวชระเบียนอยู่แล้ว ส่วนสิทธิ์ของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะออกเงินเองก็ได้ เพราะโรงพยาบาลตำรวจจับมือกับ สปสช. ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ค่ายาหลักสูง แต่ผู้ป่วยเป็นผู้ออกเอง และไม่มีกฎหมายเขียนห้ามไว้
ด้าน พ.ต.ท.ธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล เลขานุการประจำคณะ กมธ. ให้ข้อมูลว่า วิวห้องที่นายทักษิณ พักรักษาตัวเป็นวิว sport club เป็นห้องสูท ถ้าดูตามราคาที่ปรากฏทั่วไป คืนละประมาณ 8,500 บาท คูณ 120 วัน ก็ประมาณล้านกว่าบาท ในฐานะที่เป็นตำรวจ และเคยใช้บริการจึงได้ส่วนลด แล้วนายทักษิณได้ส่วนลดด้วยหรือไม่ ตนถามไว้เผื่อคนอื่น ในอนาคตผู้ต้องหาคนอื่นอยากทำจะสามารถทำได้หรือไม่
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คนทั่วก็อยู่ห้องนั้นได้ ส่วนการรักษาพยาบาลท่านอดีตนายกฯทักษิณ ไม่ขอใช้สิทธิ์เป็นการจ่ายเงินเอง ถ้าไม่พอใจว่าท่านจ่ายเงิน ตนก็ไม่รู้แล้ว และราคาห้องอาจจะมากกว่าที่ท่านว่า เพราะอย่าลืมว่า มีค่าหมอค่ายาอีก และการที่นายทักษิณ อยู่ในห้องโรงพยาบาลตำรวจ ก็เหมือนอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ออกไปไหน และการที่ต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเพราะศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่เพียงพอ
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า มันมีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ครั้งที่แล้วกรมราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลกับเราว่า พยาบาล 2 ท่านเป็นผู้วินิจฉัย ส่งตัวนานทักษิณชินวัตร ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่รัฐมนตรีพึ่งบอกเราว่ามีคุณหมอเป็นผู้วินิจฉัย
ทำให้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวชี้แจงว่า คุณหมอมาตรวจตอน 11.00 น แล้วรู้ว่าท่านเป็นโรคเยอะเลย แล้วทีนี้พอกลางคืน พยาบาลเขาก็ส่งตัวตามตามคำแนะนำของแพทย์ในตอนเช้า และตามกฎหมายเขาเขียนให้พยาบาลเป็นผู้ส่งตัวไม่ได้ให้หมอเป็นผู้ส่งตัว มันไม่มีอะไรที่จะผิดกฎหมาย
Advertisement