จากกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ถูกออกหมายจับพร้อมกับคุณแม่ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
ล่าสุดวันนี้ (26พ.ย.67) นายสิระ เจนจาคะ อดีตสส.พรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าตอนแรกไม่สบายใจที่สำนวนเรื่องนี้มาอยู่ในการดูแลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เนื่องจากเกรงว่าคดีความจะไม่คืบหน้า แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าดีเอสไอ ได้รวบรวมหลักฐานแน่นหนาจึงได้มีการออกหมายจับ เพราะมีเส้นทางการเงินที่ชัดเจน
ส่วนที่อ้างว่าเส้นเงินที่พบในบัญชีแม่ อ้างว่าบอสพอลโอนไปร่วมทำบุญ และให้ยืม นายสิระ ระบุว่า ตอนนี้มีการมองว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล ได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความของนายสามารถไปแล้วหรือไม่ เหตุใดจึงกล้าพูดแก้ต่างขนาดนี้ หากเปรียบเทียบกับตนคงไม่กล้าให้เพื่อนยืมเงินหลักแสนบาท ดังนั้นแม้บอสพอลจะมีความสนิทสนมกับแม่นายสามารถ ก็ยังไม่เชื่อว่าจะมีการให้ยืมเงินหรือร่วมทำบุญ แต่เขามีสิทธิ์ที่จะพูดแก้ต่าง แต่ตนมองว่านายวิฑูรย์ ไม่ได้เป็นทนายความให้กับทั้งสองคน ควรไปทำหน้าที่ให้กับทนายบอสพอลดีกว่า
ส่วนกรณีที่นายสามารถ คาดว่าอาจจะโดนอีกคดี เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินนั้น ตนมั่นใจว่าจะต้องมีการถูกดำเนินคดีนี้ด้วย ซึ่งได้เห็นหนังสือของกองบังคับการปราบปราม ขอให้ทางเลขาสภาผู้แทนราษฎร ส่งรายละเอียดของนายสามารถ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าบอสพอลจะบอกว่าไม่เอาเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้
สังคมตั้งคำถามว่าเทวดา ยังมีอิทธิฤทธิ์มีบารมีในการช่วยเหลือนายสามารถ หรือไม่ นายสิระ ยืนยันว่าเทวดาที่อยู่เหนือนายสามารถ มีจริง ที่ผ่านมาคดีเกิดความล่าช้า กลัวว่าจะเกิดการช่วยเหลือกัน แต่ตอนนี้เทวดาหมดอิทธิฤทธิ์แล้ว ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 พ.ย.) ตนเองนั่งทานอาหารร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ มีสายโทรศัพท์เข้าจากในป่าสั่งการ “ให้หาวิธีอย่างไรก็ได้ เพื่อช่วยเหลือนายสามารถ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ยังคิดที่จะช่วยเหลือกันอยู่ ส่วนการช่วยเหลือครั้งนี้สามารถมองได้ 2 ประเด็นคือ ”เขายังคงเลิฟๆ กันอยู่ มีการอุ้มชูกัน หรือ กลัวว่านายสามารถ ที่เคยบอกว่าจะไม่ตายคนเดียว แต่จะให้ตายหมดทุกคน ดังนั้นอาจกลัวว่าสาวไปถึงตัวของเทวดาหรือไม่“
ส่วนที่นายสามารถ เคยข่มขู่เทวดาว่าหากไม่ช่วยเหลือจะแฉนั้น นายสิระ ระบุว่า ตอนนี้เทวดายังช่วยเหลืออยู่ แต่ไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ซึ่งคาดว่าน่าจะโทรประสานหลายหลายคนให้ช่วยเหลือ ส่วนจะช่วยได้หรือไม่นั้น ตนว่าไม่สามารถช่วยได้ เพราะเหนือกว่าเรื่องการฟอกเงิน แต่เป็นเรื่องการเมืองระดับชาติที่แค้นฝังหุ่นกันอยู่
นายสิระ ยังบุระว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ จำนวนไม่น้อยที่เป็นคนของนายสามารถ โดยในขณะที่เขามีอำนาจเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือมีความใกล้ชิดกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น อาจมีการให้ยศชั้น มอบความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จึงคิดว่าอาจมีคนที่ต้องตอบแทนบุญคุณ ที่อาจจะให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ที่ตนเคยบอกว่าดีเอสไอ มีเกลือเป็นหนอน เพราะอยากส่งสัญญาณไปถึงอธิบดีดีเอสไอ อยากให้เช็คประวัติเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ว่าบุคคลใดเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ไม่ปกติ ขอให้แยกออกจากคดีนี้ไป เพราะแม้กระทั่งการขอหมายศาลออกหมายจับในช่วงเช้าวานนี้ พบว่าบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกจากบ้านไปแล้ว ตนจึงขอตั้งขอสังเกตไว้ และส่วนตัว หลังฟังอธิบดีดีเอสไอแถลงตนรู้สึกชื่นชมและมั่นใจในการทำงาน แต่ยังกังวลระดับเจ้าหน้าที่อยู่
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง หรือต้องการโค่นล้มคนในป่าหรือไม่ นายสิระ ระบุว่า กรณีนายสามารถ เป็นจังหวะรวมสหบาทา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง ฝ่ายผู้เสียหาย หรือฝ่ายตรงข้ามที่ขัดผลประโยชน์ สำหรับทางการเมืองอาจมีการหวังผลไปถึงนักการเมืองระดับชาติ
ส่วนเรื่องนี้จะไปถึงบุคคลที่เหนือกว่านายสามารถหรือไม่นั้น ตนมองว่าจะถูกตัดตอนเ พราะเขาและแม่ให้การปฏิเสธ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงิน ยกเว้นว่าดีเอสไอจะไปสาวเส้นทางการเงินต่ออีก
นายสิระ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เจ๊พัชและฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เข้ามาพบตนเองซึ่งเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัว ซึ่งการให้ข้อมูลเรื่องการทำงานของนายสามารถ และยังมีผู้ใหญ่ที่เคยมีปัญหากับนายสามารถ ได้ส่งข้อมูลมาเช่นกัน เป็นถึงระดับรัฐมนตรี ที่เคยพูดว่า “เขาจำแม่นว่าใครเคยทำอะไรไว้” โดยเป็นคนที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งระบุว่าเรื่องนี้ยังมีคนที่เหนือกว่ารัฐมนตรี ที่เคยสร้างความแค้นกันมายาวนานเพราะถูกทำการปฏิวัติ 2 ครั้ง ซึ่งเทวดาที่อยู่เหนือนายสามารถ เป็นทหารในช่วงนั้น ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ฝ่ายการเมืองลามไปเล่นงานคนที่อยู่เบื้องหลังนายสามารถอีกด้วย
ส่วนเส้นเงินที่พบหลักร้อยล้านบาท ที่นอกเหนือจาก 2.5 ล้านนั้น นายสิระ ระบุว่า งบดุลการเงินในหลายบริษัท ปี 65-66 หากตนจำไม่ผิดพบว่าขาดทุน แต่เหตุใดจึงมีเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ใส่เสื้อผ้าตัวละ 1-2 แสนบาท ซึ่งการได้เงินมาจากไหนเป็นหน้าที่ของสรรพากร ป.ป.ช. ที่ต้องตรวจสอบว่าเส้นเงินที่พบนั้นได้มาในช่วงที่นายสามารถ มีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
นอกจากนี้บริษัทที่ลักษณะคล้ายกับดิไอคอนกรุ๊ปนั้นมีอยู่จำนวนจำนวนมาก ซึ่งมีหน่วยงานของรัฐดูแล ในขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนายสามารถ ให้คุณและโทษได้ ดังนั้นเชื่อว่าเงินจะมาจากหลายสาย จึงอยากให้พิสูจน์เส้นทางการเงิน ว่าได้มาโดยชอบตามกฎหมายหรือไม่ แต่หากบอกว่าได้เงินจากธุรกิจตนว่าเป็นไปไม่ได้ และเหตุใดต้องโอนเข้าบัญชีแม่ ซึ่งคนแบบนี้เป็นลูกประเภทไหน ที่ให้แม่ต้องเข้ามารับโทษหรือตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ทั้งนี้ยังมองว่าเส้นเงินไม่สามารถโยงไปถึงเทวดา เนื่องจากว่าเขาไม่รับเงินโอน จะรับเฉพาะเงินสด และการเมืองก็ใช้เงินสด
อย่างไรก็ตามขณะนี้นายสามารถ ยังเป็นเพียงแค่ผู้ถูกกล่าวหา ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ มีโอกาสที่จะ พิสูจน์ความจริงแต่ตนมองว่าคงยาก เพราะเส้นทางการเงินที่เข้ามาต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งขณะนี้นี้ดีเอสไอทำการอายัดบ้าน ที่ดิน และบัญชี และหากเขาไม่ได้รับการประกันตัวก็อาจจะชี้แจงได้ยากเพิ่มขึ้นไปอีก ทั้งยังมองว่ามีพฤติกรรมหลบหนี โดยพบว่ามีอดีตสส. ร่วมเดินทางไปเชียงรายด้วย ซึ่งจังหวัดนี้มีชายแดนติดกับสองประเทศ คือ พม่า และลาว
นายสิระ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้เส้นทางการช่วยเหลือประชาชน ของนายสามารถ ถือว่าถูกปิดตาย เพราะเขาไม่มีความน่าเชื่อถือ และเชื่อว่าจะไม่มีอนาคตทางการเมืองต่อด้วย ส่วนจะมีความสามารถไปประกอบธุรกิจก็เป็นอีกเรื่อง ส่วนอนาคตเทวดา ตนอยากให้วางมือทางการเมือง แล้วไปเที่ยวพักผ่อน เพราะอายุมากแล้ว อย่าให้ใครมาพูดหวานหลอกเอาเงิน และสุดท้ายในการเลือกตั้งครั้งหน้าหลายคนคนทิ้งพรรคนี้ ซึ่งในฐานะคนเคยรัก ยังรักเป็นห่วง
Advertisement