กรณีเกิดเหตุยิงกันหลายนัดในบ้านของ นายสุนทร วิลาวัลย์ และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการ เลขที่ 21/1 ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปฏิบัติการพิเศษ เคลีนร์พื้นที่ พบนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ สจ.โต้ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่และเป็นบุตรบุญธรรม ของนายสุนทร ถูกยิงเสียชีวิต ยังคงเร่งคลี่ปมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมา น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุมีความตั้งใจเดินทางไปหาลูกที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีสอบ ระหว่างทางขับรถไปอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก สามีลักษณะคุยโทรศัพท์กับโกทรอยู่ตลอดเวลาแล้วไม่เข้าใจกัน จึงจำเป็นต้องวนรถกลับมาส่งตนที่บ้าน เพื่อทำธุระส่วนตัวรอ และสามีก็ออกไปบ้านโกทรกับลูกน้อง
ซึ่งก่อนไปก็โวยวายตามบุคลิก แต่ไม่มีอะไร และไม่ได้บอกอะไรเลย รู้แค่ว่าไปคุย เจรจา แต่ไม่ได้ถามรายละเอียด อีกทั้งแม้สามีก็ไม่ได้ไปบ้านโกทรนานแล้ว แต่การไปครั้งนี้มองว่าไม่อะไร และบ้านก็เป็นพื้นที่ปลอดภัย ตามที่สามีเองรักใครก็เต็มร้อย จึงไปมือเปล่า เพราะมั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ไว้ใจเหมือนบ้านพ่อ ทั้งที่ก็ระวังตัวตลอด ไม่คิดว่าเป็นแบบนี้
ต่อมาทราบจากลูกน้องว่าได้ยินเสียงปืนจากข้างในจึงรู้ว่ามีการยิง ลูกน้องบอกอยู่ข้างนอกก็ถูกยิงสกัดด้วย และก็ทราบว่าสามีโดยยิง
ส่วนที่มีการอ้างว่าไม่ออกมาเพราะไม่ได้ยินเสียงปืน ตนเองก็ตั้งขอสังเกตว่าทำไมนาทีนั้น โกฯ ไม่ออกมาช่วย เป็นไปได้หรือที่จะไม่ได้เสียงปืน
ส่วนเรื่องการลงสมัคร อบจ. มีการคุยกันจริง แต่ย้ำว่าเป็นความตั้งใจสามี ตนก็เตรียมตัว เพราะสามีก็ชอบด้านนี้ แต่ตัวสามีสิ่งที่ต้องทำก่อนจึงลงเองไม่ได้ ส่วนคำแนะนำจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ถอนตัวนั้นตนไม่ทราบ แต่ได้รับคำแนะนำตามประสาพี่น้องเท่านั้น
สจ.จอย ย้ำว่า ทุกอย่างขอให้การกับตำรวจ และนิสัยส่วนตัวสามีจะไม่เล่าอะไรให้ฟัง เช่นบางเรื่องที่ทำให้ไม่สบายก็ไม่เล่า แต่ถ้าอยากให้รับรู้ก็ถึงจะเล่าให้ฟัง ดังนั้นบางเรื่องตนก็ไม่ทราบ
สำหรับตนตอนนี้ยังไม่อยากคิดอะไรนอกจากงานศพ และขอวางมือไม่ไปต่อ แต่จะยังเดินหน้าเป็นอาสาช่วยประชาชนในพื้นที่ ส่วนลูก ๆ สามีห่วงมาก และก็ไม่ได้วางให้ลูกสานต่อในสิ่งที่ทำ แต่อยากให้ลูกเป็นตำรวจ อาชีพราชการที่มั่นคงและสามีก็ห่วงลูกมาก นั่นคือข้อสำคัญที่ตนเองกังวล เพราะเหลือกัน 2 คนแม่ลูก
ส่วนมีการตั้งคำถามทั้งคู่นับถือเหมือนพ่อลูก นาทีลูกโดนยิงทำไมไม่ช่วย สจ.จอย ถึงกับลั่นว่า “ถ้าพี่เลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่ง พี่กล้าฆ่าหมาตายไหม กล้าเอายาเบื่อให้หมากินไหม ทำได้ไหม นอกจากพี่ไม่รักมันแล้ว “ เรื่องนี้เสียใจมาก ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
ส่วนคดี ยอมรับวันนี้พอใจผลงานตำรวจ แต่ย้ำว่าจอยมีลูก ตอนนี้เหลืออยู่ 2 คน หัวแรงหลักไม่อยู่ ความปลอดภัยในชีวิตจะเป็นยังไง อยากให้ทำคดีตรงไปตรงมา แต่เตรียมขอโอนให้กองปราบทำฯ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นคนมีอิทธิพล กว้างขวาง ห่วงไม่ปลอดภัย และกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะสามีแม้เป็นคนปากร้าย แต่ไม่เคยคิดร้าย การขอโอนคดี เพราะคู่คดีเป็นนักการเมือง การมีคนกลางมาช่วยน่าจะสบายใจกว่า อีกทั้งไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องวิวาท ระหว่างลูก มองเป็นเรื่องอื่น
Advertisement