วันที่ 2 ม.ค. 68 น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจ “ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ - ทนายแจม - Sasinan Thamnithinan” ระบุว่า
“ตำรวจท่านนึงส่งมาให้ น่าสนใจค่ะว่า การอบรมอาสาตำรวจคนจีน โดยมีค่าอบรมคนละ 38,000 นั้น สตช.กระทำได้หรือไม่อย่างไร? และค่าแรกเข้าอบรมนี้เป็นรายได้เข้าส่วนไหน? ค่าใช้จ่ายจัดอบรมใช้งบประมาณส่วนใด? มีการใช้เครื่องหมายตำรวจตราแผ่นดิน ออกบัตรได้หรือไม่?”
“📌เพิ่มเติมล่าสุด ผกก.สืบสวน บก.น.3 ได้ตอบประเด็นนี้ในรายการข่าวเที่ยง PPTV ว่า มีการอบรมหลักสูตรนี้จริง แต่ตำรวจแค่ไปเป็นวิทยากร จัดโดยม.XXX เป็นการอบรมนักศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายไทย เพื่อให้รู้กฎหมาย ทางตำรวจไม่ทราบเรื่องค่าใช้จ่ายหลักสูตร และไม่รู้เรื่องการแจกหมวก เสื้อกั๊กและบัตร”
“ทางตำรวจแจ้งว่า เป็นการอบรมแล้วจบไปไม่ได้ไปทำงานจริงๆ แต่น่าสงสัยว่า บก.น.3 ไปทำอะไรถึงห้วยขวาง ที่เป็นพื้นที่บก.น.2 หรือ ม.XX ที่อยู่ พื้นที่ บก.น.9 ไปเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร? การที่มีลายเซ็นตำรวจระดับ ผกก.บนบัตรรับรองแบบนั้น จะเป็นการอบรมกฎหมายธรรมดาอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ทาง ผบช.น. แจ้งเพิ่มเติมว่าจะไปตรวจสอบหลักสูตรนี้ ดิฉันก็จะรอคำตอบจากท่านค่ะ”
ต่อมา น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กทม. พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” ถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลมาจากเพื่อนตำรวจท่านหนึ่ง ให้ตนช่วยดูประเด็นนี้ให้หน่อย เพราะรู้สึกแปลกๆ เเต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดประเด็นนี้เอง หลังจากที่ตนเห็นก็รู้สึกแปลกจริง จึงได้มีการโพสต์ตั้งคำถามดังกล่าว
โดยในตอนเเรกตนเข้าใจว่าอาจจะเป็นคนจีนหลอกกันเองหรือไม่ อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจ เเต่ปรากฏว่ามีการออกบัตร เเละมีลายเซ็นผกก. ตนจึงตรวจสอบชื่อว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ พอเช็กเลยรู้ว่าเป็นตำรวจจริงๆ เเต่ตนก็ไม่ได้ประสานไปหาตำรวจท่านนั้นโดยตรง
เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาได้มีการออกข่าวไปนััน ทางตำรวจก็ได้มีการออกมาตอบคำถามว่า การอบรมนี้มีอยู่จริง และตำรวจที่ไปเป็นวิทยากรก็เป็นตำรวจจริง แต่มีการชี้แจงว่าเป็นการไปอบรมของหลักสูตรนักศึกษาวิทยาลัยนานาชาติสยามเท่านั้น เเค่เรียนเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้น ไม่ได้มีการออกไปปฏิบัติงานต่อ เเละตำรวจไม่ได้เป็นเจ้าของหลักสูตร ส่วนเรื่องการเก็บเงินจำนวน 38,000 บาท ตำรวจบอกว่าไม่รู้เรื่อง รวมถึงเรื่องเครี่องแบบเสื้อกั๊กตราโล่ บัตรประจำตัว ก็ยืนยันว่าตำรวจไม่ทราบเรื่อง คาดว่า มหาวิทยาลัย น่าจะเป็นคนเตรียมมาเอง
น.ส.ศศินันท์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีข้อสงสัยค่อนข้างเยอะ เพราะปกติหากเรียนกฎหมายเบื้องต้น ไม่น่าจะต้องมานั่งใส่หมวก เสื้อกั๊ก หรือทำบัตรตราโล่มีลายเซ็นรับรองคู่กับมหาวิทยาลัย เพราะมีความเสี่ยงที่สิ่งเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ ซึ่งจากการสอบถามตำรวจท่านอื่นๆ แล้วโดยหลักการชาวต่างชาติไม่สามารถเป็นอาสาตำรวจได้ แต่กลายเป็นว่าคนจีนเข้ารับการอบรม และได้รับบัตรประจำตัวตราโล่และมีการนำไปพูดต่อในหมู่คนจีนด้วยกัน และมีการชักชวนกันให้มาเรียนหลักสูตรดังกล่าวจ่ายเงินแค่จำนวน 38,000 บาท ก็จะได้เครื่องแบบตำรวจ
จากที่ตนโพสต์ดังกล่าวออกไปแล้วนั้นมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆ ก็ได้มีแหล่งข่าวส่งข้อมูลมาให้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นภาพหลักฐานคลิปวิดีโอที่คนจีนได้โพสต์ลงติ๊กต็อก ซึ่งเป็นคลิปที่เข้าไปร่วมอบรมในหลักสูตรดังกล่าว 2 คลิป นอกจากนี้ยังมีภาพที่ตำรวจถ่ายคู่กับผู้เข้ารับการอบรมที่มีการใส่หมวก และใส่เสื้อกั๊กหรือเครื่องแบบตำรวจ ดังนั้นจึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าตำรวจไม่รู้เรื่องว่ามีการนำเรื่องเครื่องแบบมาใช้
ดังนั้นตนจึงอยากให้ทางตำรวจ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือทางมหาวิทยาลัยออกมาชี้แจงในทุกประเด็นข้อสงสัยต่อสังคมด้วย เพราะมีการอ้างถึงทั้ง CIB ตำรวจสอบสวนกลาง เเต่กลับวงเล็บ DSI ซึ่งมันค่อนข้างมั่วไปหมด
ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าเราคนจีนดังกล่าวที่มีการไปอบรมเป็นอาสาตำรวจได้ลงไปปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ไหนหรือไม่ เนื่องจากเพิ่งจะมีการอบรมรอบแรกไปเมื่อประมาณวันที่ 26 ธ.ค. 67 หรือ 27 ธ.ค. 67
Advertisement