วันที่ 31 ม.ค. 68 นาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นประธานแถลงข่าว การดำเนินมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ โมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งเป็นมาตรการที่กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกำหนดขึ้น
ทั้งการตรวจสอบรายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และเจ้าของบัญชีธนาคาร โมบายแบงก์กิ้ง หรือ การ Cleaning โมบายแบงก์กิ้ง เพื่อให้ชื่อผู้ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดย กสทช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคม ,สำนักงาน ปปง. , ธปท. และธนาคารพาณิชย์ได้ดำเนินการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์จำนวนกว่า 120 ล้านหมายเลข แล้วเสร็จเมื่อสิ้นเดือน พ.ย. 67 และได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 ลูกค้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งเป็น M คือ ชื่อเจ้าของซิม และ โมบายแบงก์กิ้งตรงกัน มีจำนวนประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 63.02
- กลุ่มที่ 2 ลูกค้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งเป็น N คือ ชื่อเจ้าของซิม และ โมบายแบงก์กิ้งไม่ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 25.68
-กลุ่มที่ 3 ลูกค้าที่ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งกลับมาเป็น P คือไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล มีจำนวน 13.5 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 11.29
หลังจากนี้ ธนาคารจะทำการแจ้งผู้ใช้บริการที่อยู่ในกลุ่ม(N) และกลุ่ม (P) ในรูปแบบของการแจ้งเตือน (Notification) ผ่านช่องทาง โมบายแบงก์กิ้งของแต่ละธนาคาร ภายในวันที่ 1 ก.พ. 68 โดยประชาชนที่ได้รับแจ้ง ต้องดำเนินการอัปเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิม และชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกันภายในเวลา 90 วัน สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. 68 หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง. ธปท. และ กสทช. จะพิจารณาระงับการใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง เป็นการชั่วคราวต่อไป
สำหรับ กลุ่ม N ซึ่งเป็นกลุ่มที่เจ้าของซิม และ โมบายแบงก์กิ้ง ไม่ตรงกัน , บัญชีต่างชาติ , กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2565 และเปิดใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ก่อนปี 2566 ที่มีชื่อเจ้าของซิม กับชื่อผู้ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ไม่ตรงกัน ผู้ใช้บริการที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะต้องไปติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปลี่ยนเจ้าของซิม หรือติดต่อธนาคารที่ใช้งาน Mobile Banking เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับ โมบายแบงก์กิ้ง ของธนาคาร เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อที่ใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ โมบายแบงก์กิ้ง อาจถูกระงับการใช้งาน
ในส่วนของ กลุ่ม P ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับแจ้งว่าไม่พบชื่อเจ้าของซิม โดยเป็นกลุ่มที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่ตรวจสอบจากค่ายมือถือแล้ว แต่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม (ดำเนินการพร้อมกัน 2.4 ล้านเลขหมาย) โดยกรณี หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ลงทะเบียนกับธนาคารมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการด้วยตนเอง เพื่อลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking หรือ ลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมเป็นชื่อตามที่ประสงค์ที่เข้าเกณฑ์การจดทะเบียนซิมได้ตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (ธนาคารไม่สามารถดำเนินการในส่วนนี้แทนได้) พร้อมบัตรประชาชน เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อที่ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน
กรณีของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับการแจ้งผ่านช่องทาง โมบายแบงก์กิ้ง ของแต่ละธนาคาร ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และสามารถใช้ โมบายแบงก์กิ้ง ได้ตามปกติ แม้ชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์จะไม่ตรงกับเจ้าของ โมบายแบงก์กิ้ง
นอกจากนี้ข้อมูลล่าสุดจาก ปปง. รายงานว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 มีการตรวจพบบัญชีม้าแล้วมากกว่า 2.3 ล้านบัญชี ในจำนวนนี้เป็นบัญชีที่เปิดในนามบุคคลต่างด้าวกว่า 8 แสนบัญชี และข้อมูล ณ เดือนธ.ค. 67 ปปง.พบบัญชีม้าดำ (ที่ถูกดำเนินคดี) แล้วจำนวน 1.75 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นชื่อคนไทย 99.2%
สำหรับกรณีที่มีเจ้าของบัญชีบางกลุ่มไม่สามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งของตนเองได้ หลังจากมีมาตรการสกัดบัญชีม้า ให้ตรวจสอบข้อความแจ้งเตือนในแอปพลิเคชั่นโมบายแบงก์กิ้งของตนเองว่าอยู่ในกลุ่มใด หรือ (P) และให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำตามที่ได้ระบุไว้ โดยยืนยันว่า แม้โมบายแบงก์กิ้ง จะมีปัญหาแต่สมุดบัญชี ธนาคารยังสามารถใช้งานได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ไปยืนยันตัวตนให้ตรง เพื่อให้ธนาคารทำการปลดล็อคการใช้งานให้ได้
Advertisement