วันนี้ (3ก.พ.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ในส่วนของพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ถือว่าพอใจ เพราะเห็นมาตั้งแต่เริ่มกำหนดวันเลือกตั้งว่า ทุกคนลุยและช่วยกันเต็มที่ เมื่อเช้าก็ส่งข้อความไปหาในกลุ่มสส.ว่าอันไหนที่เราไม่ได้เราต้องปรับปรุงอย่างไร เชื่อว่าเมื่อเกิดการเลือกตั้งทุกครั้งสส.และทุกคนในพรรคก็ได้บทเรียนจากการเลือกตั้งทุกครั้ง ประชาชนก็เช่นกัน พอการเลือกตั้งผ่านไปก็ได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ รวมถึงเทรนด์ของการเลือกตั้งนั้นๆด้วย
ส่วนได้มา 10 จังหวัดเป็นไปตามเป้าหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถือว่าดีเลย จริงๆก็อยากได้ทั้งหมด แต่ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว
เมื่อถามว่าจะนำสนามท้องถิ่นไปวิเคราะห์หรือไม่ เพราะอีกไม่นานก็จะเป็นการเลือกตั้งในระดับประเทศ ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกันจะต้องนำไปปรับอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นการท้องถิ่น หรือระดับประเทศยังไงก็มีความสำคัญ เพราะต้องทำงานช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน ฉะนั้นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ต้องวิเคราะห์ว่าได้เพราะอะไร และทำอะไรไปบ้าง ส่วนที่ไม่ได้ ไม่ได้เพราะอะไร แพ้เพราะอะไร ต้องถูกวิเคราะห์ในทุกจังหวัด ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาทุกเขตทุกจังหวัดก็ถูกวิเคราะห์เช่นกัน ต้องดูว่าจะปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมได้หรือไม่ ข้อความที่สื่อสารถึงประชาชนทำให้เกิดความเข้าใจอย่างที่ต้องการจะสื่อหรือไม่ ต้องดูจากตัวเราด้วยว่าการที่ไม่ได้ ไม่ได้เพราะอะไร บางทีเกือบจะได้แล้วแต่ไม่ได้เพราะอะไร การสื่อสารถึงหรือไม่ การแนะนำข้อมูลต่างๆถึงหรือไม่ ต้องนำมาวิเคราะห์กันหมด ซึ่งจริงๆแล้วตั้งแต่ผลการเลือกตั้งออกทุกคนก็วิเคราะห์ร่วมกันอยู่แล้ว เดี๋ยวเข้าพรรคแล้วก็ต้องคุยกับสส.ด้วย
ส่วนที่จังหวัดเชียงรายกับลำพูนที่ตั้งเป้าไว้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เสียดาย จริงๆก็อยากได้ทุกพื้นที่จะได้ช่วยเหลือทำงานกับประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าที่ไม่ได้ก็ต้องทำงานให้กับประชาชน อาจจะไม่ได้มากเท่าที่ควร เท่ากับคนที่ได้ตำแหน่ง แต่ก็ยังทำพื้นที่อยู่ ไม่ให้ขาดตรงนี้ไป
ส่วนได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทยว่าต้องมีการปรับกลยุทธ์ด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า คุยทุกวัน ตอนนี้ก็ไปมาเลเซีย
ส่วนผู้ช่วยหาเสียงแฮปปี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า แน่นอน เพราะเขาไม่ได้หาเสียงอย่างนี้มา 17 ปีแล้ว เป็นสิ่งที่เคยทำอยู่แล้วในอดีต แต่เป็นอดีตที่ไกลเหมือนกัน กลับมาทำ แบบนี้จริงๆก็เป็นห่วงเวลาไปหลายเวที เพราะอายุเยอะแต่ท่านก็ทำเต็มที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ถือว่าคุ้มสตางค์ที่จ่ายที่ได้
ส่วนการหาเสียงที่ดุเดือดแบบนี้จะต้องนำมาปรับหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มันเป็นช่วงเวลา ช่วงแรกที่ลงพื้นที่หาเสียงต้องการจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเข้าใจในเสต็ปแรกแล้ว ครั้งต่อไปถ้าไม่ได้มีประเด็นร้อนหรือต้องหาเสียงดุเดือดก็คงต้องเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์ ไม่ได้เป็นคาแรคเตอร์นั้นๆไปเลย
Advertisement