วันที่ 3 ก.พ. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงเพื่อส่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เกี่ยวกับการตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย กฟภ. กองทัพ และหน่วยงานด้านการข่าวเข้าร่วมประชุม
จากนั้นนายฉัตรชัย แถลงว่า การประชุมวันนี้เป็นการกลั่นกรองข้อมูลด้านความมั่นคงที่เชื่อถือได้ ให้เกิดความรอบคอบ โดยที่ประชุมมีข้อมูลที่จะส่งให้กระทรวงมหาดไทย 6 ข้อตามเงื่อนไขกฎหมาย และสัญญา คือ อาทิ ข้อมูลความมั่นคงพื้นที่ตั้งจุดต่างๆ ที่เชื่อได้ว่ามีหลักฐานระดับหนึ่งที่เกี่ยวพันกับอาชญากรข้ามชาติ อาจมีความเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวบริษัทสัมปทาน ที่เป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนกาสิโน และพบว่ามีความต้องการขอใช้ไฟเพิ่มขึ้นผิดปกติ และที่ประชุมยังมีมติอีก 3 เรื่อง ดังนี้
1. สมช. จะประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงให้ กฟภ. ประกอบการพิจารณา
2. ให้ กฟภ. นำข้อมูลไปเจรจากับบริษัทคู่สัญญาเพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม รวมถึงมีคณะทำงานร่วมจากฝั่งไทยและเมียนมา เข้าไปดูพื้นที่ร่วมกันว่าจุดไหนมีปัญหา
3. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลเมียนมาไปกำชับบริษัทคู่สัญญาที่รัฐบาลเมียนมาอนุมัติให้มาสัมปทานกับ กฟภ. เพื่อให้รัฐบาลเมียนมาตรวจสอบการใช้ไฟไม่เหมาะสม โดยจะส่งข้อมูลให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้หมดขั้นตอนของ สมช.หรือไม่ ต่อไปจะได้ไม่ต้องโยนกันไปมา นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ไม่ได้โยนกันไปมา ต่างคนต่างมีหน้าที่ ซึ่งข้อกฎหมาย และกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ ที่เคยถามว่าใครมีอำนาจในการตัดไฟ ก็คือต้องดูข้อกฎหมาย ส่วน กฟภ. จะตัดไฟหรือไม่ก็ต้องรอผลจากมติที่ประชุมในวันนี้ว่าไปเจรจาแล้วได้ผลอย่างไร
เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ประชุมในวันนี้เพียงพอที่จะตัดไฟได้หรือไม่ เลขาธิการ สมช. ระบุว่า ในกระบวนการต้องไปถามคู่สัญญาด้วย มีคณะกรรมการที่ตั้งไปตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน
ส่วนคำถามว่าจะใช้ระยะเวลาในการตัดไฟเท่าไหร่ นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า หากผิดกฎหมายก็สามารถตัดได้ แต่ต้องรอบคอบ
เมื่อถามอีกว่าการตรวจสอบเห็นได้ชัดหรือไม่ว่ามีการนำไฟฟ้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องตามสัญญา นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ลงไปพื้นที่ แต่อยู่ระหว่างเตรียมลงไปตรวจสอบพื้นที่จริง
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะกระทบกับความมั่นคง และจะมีการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีมติงดการจ่ายไฟก่อนหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูจากหลักฐานทั้งหมดแล้วมารวบรวม เมื่อถามว่า เรื่องทั้งหมดนี้จะจบที่ กฟภ. จะตัดสินใจใช่หรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นการงดจ่ายไฟระดับประเทศ อย่างไรก็ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.
เมื่อถามถึงอำนาจการตัดไฟอยู่ที่ กฟภ. หรือต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ต้องดูมติ ครม. เพราะตอนที่อนุญาตให้ขายไฟมีมติ ครม. เพราะฉะนั้น การที่จะงดขายต้องไปดูว่าตอนอนุญาตมีเงื่อนไขอย่างไร มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคง ทำให้ต้องพ่วงกับ สมช. ดังนั้นเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศจะต้องถามทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และ สมช. เพื่อนำมาประกอบว่าผิดตามเงื่อนไขหรือไม่ หากพบก็สามารถบังคับตามเงื่อนไขได้ทันที ดังนั้นการจะตัดไฟได้ต้องยึดตามสัญญา
Advertisement