วันที่ 10 ก.พ. 68 นาย สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไลฟ์สดใน “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางมาเข้าพบที่บ้านพระอาทิตย์ และกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาคดีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ที่พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และลูกน้องถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันว่า
กรณีเว็บพนันออนไลน์มินนี่นั้น คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. บอกว่าไม่มีใครผิด ลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่เป็นยศสัญญาบัตรหลายคนก็ไม่ผิด เพราะว่าไม่เจอเส้นทางทางการเงิน แต่ความผิดนั้นถูกรวมตัว และโยนไปหา พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่แบกทุกอย่างไว้ทั้งหมด เพื่อให้พรรคพวกและนายของตัวเองนั้นหลุดคดี
นาย สนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่ม่ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. เป็นประธานการประชุม เพื่อให้ยอมรับมติของคณะอนุกรรมการ ซึ่งตนก็ยังไม่รู้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
ทั้งนี้ พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และเป็นผู้ที่ถือคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปที่มีข้อมูลมากมายมหาศาล โดยทุกคนอ้างบอกว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ คือคนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันมินนี่ แบบนี้ก็ต้องนั่งนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ซึ่งขึ้นอยู่ว่าชุดใหญ่จะเห็นด้วยกับอนุกรรมการชุดเล็กหรือไม่ แต่มีปัญหาว่าฝ่ายตำรวจที่ทำคดีนี้ระบุว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาเฉพาะคำแก้ข้อกล่าวหาของกลุ่มของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และพรรคพวก แต่ไม่พิจารณาหลักฐานต่างๆ ที่ฝ่ายตำรวจที่ทำคดีนี้เสนอไป นี่จึงเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
เดิมทีจะมีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ แต่เลื่อนไป เพราะว่า กรรมการ ป.ป.ช.ยังมาไม่ครบ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นชอบ และเห็นพ้องต้องการกับคณะอนุกรรมการรแล้วก็แสดงว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และลูกน้องที่ใกล้ชิดก็สามารถหลุดข้อกล่าวหาได้ แต่ข้อกล่าวหาทั้งหมดก็จะถูกทุ่มไปที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นเหมือนกับว่าเขายินยอมที่จะเป็นแพะรับบาป หรือเป็นคนที่รับอยู่คนเดียว อะไรมาคุณรับอยู่คนเดียว ทุกคนไม่เกี่ยว
นาย สนธิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนโดน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ฟ้องเป็นคดีหมิ่นประมาท จำนวน 8 คดี ซึ่ง 7 คดีฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ใน 7 คดีนี้ มี 6 คดี ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ชี้ว่ามีมูล และในคดีนั้นก็มีคำสั่งมาจากอธิบดีว่าให้จบภายใน 6 เดือน และลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็ใช้ให้มินนี่ฟ้องตนอีกคดีที่ จ.เลยในคดีหมิ่นประมาทเช่นกันตนก็สู้คดีสุดฤทธิ์
เรียกตนไปตนก็ไป แล้วตนก็ให้การ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ และจำเลยมาพร้อมกัน และเอาบัญชีพยานมาว่าจะสืบใครบ้าง ตนก็ใส่ชื่อบัญชีพยานไปโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ปรากฏว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถอนฟ้องตนหมดทุกคดี ซึ่งการถอนฟ้องนั้นจะมีคำอธิบายว่า ถอนฟ้องโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีต่อไป ตนไม่เคยรู้เรื่องจนกระทั่งนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขามาบอกตนว่าบิ๊กโจ๊กถอนฟ้องตนไปหมดแล้ว โดยไม่มีเงื่อนไข รวมถึงคดีที่ จ.เลยด้วย ดังนั้น 8 คดีถอนฟ้องตนหมดเลย
ซึ่งนายนิติธรบอกว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ บอกว่าสิ่งที่เขาทำผิดพลาดยิ่งใหญ่ในชีวิตคือการมาฟ้องตน เพราะตนสู้ทุกคดี ตนไม่เคยถอย ตนก็บอกว่าตนไม่รู้ว่าเขาถอนฟ้อง เขาตัดสินใจถอนฟ้องทันทีเอง และขอเข้ามาพบตน ซึ่งตนบอกว่าไม่ต้องมาพบแต่หากถ้าคุณคิดว่าคุณไม่อยากทะเลาะกับผม คุณอยากถอน คุณถอนไปเลย แต่การถอนไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ผมจะไม่พูดถึงพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เพราะการไม่ถอดดีกับตนด้วยซ้ำ เพราะตนมั่นใจการสู้คดี ถึงแม้จะแพ้คดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่ตนมั่นใจว่าในชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา ตนชนะแน่นอน และไม่เคยกลัว ซึ่งมันก็จบไปแล้ว
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็มีโอกาสมาพบตน 1 ครั้ง หลังจากถอนฟ้องคดีแล้ว บอกว่ามาขอโทษ และบอกให้ตนช่วยเมตตาเหมือนเดิม ซึ่งตนก็บอกว่าใจเย็นๆ คำว่าเมตตาถ้าคุณทำผิดแล้วเห็นว่าคุณทำผิด ตนจะพูดผิดให้เป็นถูกนั้นไม่ได้ ตนทำไม่ได้ แต่ถ้าคุณทำแล้วมันก้ำกึ่ง ตนอาจจะไม่วิเคราะห์ หรือเจาะลึกถ้ามันก้ำกึ่ง ตนยืนยันมีหลักการ และให้ความยุติธรรมกับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เพราะเป็นคนที่มีความสามารถแต่มีกิเลสที่บังตา แต่ถ้ามันไม่ชอบมาพากลตนจำเป็นต้องพูด
ขอบคุณข้อมูล : เพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ”
Advertisement