จากกรณี สะพานทางด่วน โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทรุดตัวพังถล่ม บริเวณซอยพระรามที่ 2 ซอย 17 ถึง ซอย 25 ถนนพระรามที่ 2 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ทับคนงาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดช่วงเวลา 01.28 น. วันที่ 15 มี.ค. 68
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 มี.ค. 68 นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งตนได้รับแจ้งตั้งแต่เมื่อเวลาเกือบ 02.00 น. ที่ผ่านมาว่า สะพานที่กำลังเทปูนก่อสร้างถล่มลงมา
ส่วนที่กังวลหลักๆ ตอนนี้คือ ยังมีผู้บาดเจ็บวิกฤตอยู่ที่โรงพยาบาล ทราบว่ามีผู้คุมงานหนึ่งท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย
สำหรับจุดที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ และสุนัขเค 9 ตรวจแล้วไม่พบสัญญาณชีพว่ามีผู้สูญหายอีก เป็นเรื่องที่ทางกู้ภัยต้องดูต่อไป ส่วนเรื่องการจราจรเป็นเรื่องที่มีความกังวลมากเหมือนกัน ซึ่งต้องปิดการจราจรขาออกมุ่งหน้าขาออกไปสู่ถนนพระราม 2 ประมาณ 1 เดือน ส่วนขาเข้าบริเวณหน้าด่านดาวคะนองในวันอาทิตย์นี้น่าจะเปิดให้สัญจรได้ตามปกติ เรื่องการจราจรถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะไม่เช่นนั้นจะมีรถติดต่อเนื่องไปถึงในเมืองแน่นอน
นาย ชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุนั้น ต้องรอเจ้าหน้าที่สอบสวนก่อนดีกว่า แต่ลักษณะจุดที่เกิดเหตุเป็นโครงสร้างที่ครอบกับทางด่วนตัวเก่า ตัวนี้เป็นคานที่เทขวาง ก่อนหน้านี้ก็มีการเทไปเรียบร้อยแล้ว น้ำหนักที่เทประมาณ 800 ตัน เข้าใจว่าใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือแค่รถปูนอีก 2 คันก็จะเสร็จ ซึ่งก็ต้องไปสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง ต้องให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นผู้ให้ข้อมูลตรงนี้
ส่วนที่บอกว่า อาจมีการเทปูนคอนกรีตมากเกินไปนั้นจะมีผลหรือไม่ ตนคิดว่าคงไม่มากเกินไป เพราะการเทปูนต้องออกแบบให้สอดคล้องกับปริมาณคอนกรีตที่เทประมาณ 380 คิว ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าการออกแบบรองรับเป็นอย่างไร แต่ที่บอกว่าเทมากเกินไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ทางวิศวกรมีการคำนวณมาแล้วสิ่งที่เราต้องฝาก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คือยังเหลือคานแบบนี้อีกประมาณ 13 ตัว ก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัยอีกครั้ง
เมื่อถามว่า เหตุแบบนี้เกิดบ่อยช่วงเวลากลางคืน จนมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นช่วงที่ประมาณคนงานประมาทเลินเล่อหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า มันคงเลือกไม่ได้ เพราะกลางวันทำไม่ได้ เนื่องจากรถสัญจรทั้งขาเข้าและขาออกประมาณ 100,000 คันต่อวัน ทำให้ต้องปิดการจราจร ดังนั้นการทำงานช่วงกลางคืนถือเป็นเรื่องปกติในการก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน ยอมรับว่ามันก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนต้องดูให้เข้มข้นมากขึ้น แต่การทำงานกลางคืนเป็นเรื่องปกติ เพราะเวลาเทปูนต้องปิดการจราจร 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งขาเข้าและขาออก เพราะหากทำกลางวันจะยิ่งลำบาก แต่นี้ฝาก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดูแล เพราะต้องทำแบบนี้อีก 13 ตัวในการเทปูนคร่อมทางด่วนเก่า ซึ่งก็น่าจะเป็นบทเรียนว่าสาเหตุของการพังครั้งนี้ ต้องเป็นบทเรียนนำไปดูการเทครั้งต่อไปด้วย
เมื่อถามถึงมาตรการแบล็คลิสต์ผู้รับเหมาเป็นอย่างไรบ้าง นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานครโดยตรง เพราะเราไม่ใช่ผู้รับจ้าง เราเป็นผู้ว่าจ้าง และโครงการนี้ก็เป็นเรื่องของ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพราะถนนเส้นนี้มีความต่อเนื่องกับหลายหน่วยงาน ทั้งกรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ทุกหน่วยงานที่มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ก็คงต้องทบทวนมาตรการต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ใกล้บ้านประชาชนหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง เพราะต้องใช้คานใหม่มาวาง สำหรับสาเหตุต้องดูทั้งระบบอีกทีโดยผู้เชี่ยวชาญ
“ต้องทำทุกอย่างเป็นบทเรียน เอาไปทำให้ดีขึ้น รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย ก็ต้องกลับมาย้อนดูในโครงการของตัวเอง ซึ่งต้องดูเคสนี้เป็นตัวอย่าง และต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น”
Advertisement