"ณัฐชา" ยก "วิกฤติปลาหมอคางดำ" ซัดรัฐบาลปล่อยปละละเลยนาน
"ณัฐชา" ยก "วิกฤติปลาหมอคางดำ" ซัดรัฐบาลปล่อยปละละเลยนาน ทำเกษตรเสียหายหลายพันล้าน บริหารผิดที่ผิดทางประเทศไทยกลายเป็น "ในนามีสารเคมี ในน้ำมีหายนะ"
ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทอง ธารชินวัตร ตามมาตรา 151 โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาน ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางในนายกรัฐมนตรีในประเด็นวิกฤติเรื่องปลาหมอคางดำว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกฯ เจน Y บริหารงาน 194 วัน ต่อจาก นายเศรษฐา ทวีสิน ที่เคลียร์ทางสะดวก รับมือ รับหน้าในช่วงวิกฤติการจัดตั้งรัฐบาลมาให้แล้ว แล้วส่งต่อให้ น.ส.แพทองธาร ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น 194 วันที่ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานที่ลำบากไม่มีกิน ไม่มีใช้ ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรีไม่เหมือนคำโฆษณาชวนเชื่อเมื่อครั้งหาเสียง แต่เมื่อขึ้นบริหารกลับล้มไม่เป็นท่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งประเทศไทยมีคำกล่าวว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" เคยมีความอุดมสมบูรณ์แต่ในสมัยนี้ บริหารผิดที่ผิดทางประเทศไทยกลายเป็น "ในนามีสารเคมี ในน้ำมีหายนะ" ครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังทำลายและกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตในทุกแหล่งน้ำของประเทศไทย ด้วยการระบาดของปลาหมอคางดำ นับเป็นอาชกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดว่าประชาชนในพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 520,000 ราย กินพื้นที่กว่า 76 อำเภอ 19 จังหวัดทั่วประเทศกำลังเผชิญวิกฤติอย่างหนัก เลวร้ายถึงขั้นฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในไทยกว่าหมื่นแห่งกำลังได้รับผลกระทบโดยตรง นี้คือความเสียหายสูญเสียอาชีพ สูญเสียทรัพย์สินและความมั่นคงในชีวิต มองไม่เห็นอนาคตของประชาชนและเกษตรกรว่าจะประทังชีวิตต่ออย่างไร
ประชาชนไปต่อไม่ได้ต้องขายที่ดินมีบ่อน้ำก็มีแต่ผักบุ้ง มันไปต่อไม่ได้ ถึงทางตัน เพราะรัฐบาลไม่ช่วยอะไรเลย ทางออกที่รัฐบาลจะช่วยได้สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ยังจะบอกไม่เยอะอีกหรือ
"ต่อไปคงไม่มีปลาสลิดบางบ่อ ปลาทูแม่กลองก็ไม่มีให้ลองลิ้มชิมรส จะมีแต่ปลาจากต่างประเทศเสียทั้งหมด หรือไม่ปลาในห้าง นี่คือสัญญาณหายนะที่กำลังเกิดขึ้น และผมยอมไม่ได้ที่จะปล่อยสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้" นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า หน่วยงานภาครัฐปล่อยให้แม่น้ำทุกสายมีแต่ปลาหมอคางดำแล้วบอกให้ประชาชนปกป้อง ป้องกัน ให้รัดกุม ซ้ำยังซ้ำเติมด้วยความเงียบของรัฐบาล ปล่อยให้ประชาชนสู้กับวิกฤติโดยลำพัง สิ่งที่รัฐบาลออกมาตการต่างๆ ออกมาถูกทิศถูกทางบ้างหรือยังซึ่งจะไม่ถูกต้องเลยถ้าไม่ติดกระดุมให้ถูกตั้งแต่เม็ดแรก พร้อมยกกรณีตัวอย่างเรือน้ำตาลล่มที่ทำให้ปลาในน้ำตายเพราะขาดอออกซิเจน ซึ่งมีการฟ้องร้องเรือน้ำตาลที่ทำเรือล่ม ซึ่งได้ค่าชดใช้คืนทั้งหมด และไม่ได้ใช้งบประมาณเลยแม้แต่บาทเดียว และผ่านมา 20 ปี แล้ว ทุกวันนี้บริษัทน้ำตาลยังคงปล่อยปลาคืนเพื่อสร้างธรรมชาติให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
นี่คือสิ่งที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องทำ และต้องช่วยชาวบ้าน ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยเช่นทุกวันนี้ ไม่ใช่ประชาชต้องแบกรับถามเงื่อนไขภาษีจากงบประมาณต่างๆ แต่ไม่มีที่จะตามล่าหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้ เรื่องนี้ทั้ง 2 รัฐบาลผ่านมาแล้ว และรู้ดีว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะได้หยิบยกมาเป็นวาระแห่งชาติ มีการคลอดงบประมาณออกมาอย่างสวยหรู 450 ล้านบาท เป็นเพียงให้ประมงไปหาเงินตามกรอบเองสรุปเป็นเพียงแค่ตัวเลขหลอกชาวบ้านและล่าสุดได้ยินข่าวว่าจะอนุมัติงบอีก 98 ล้านบาท เพราะมีชาวบ้านมาร้องเรียนถึงหน้าทำเนียบ เปรียบเสมือนยาพารารักษามะเร็ง และวันนี้ยืนยันว่า 98 ล้านบาทก็แก้ไม่ได้ถ้ายังติดกระดุมไม่ถูก แก้ปัญหาให้ตรงจุดก็ไม่มีวันหาทางออกเรื่องนี้ได้เลย คนที่ต้องรับผิดชอบ ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขกฎหมาย พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม มาตรา 97 และสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้นอกจาก 450 ล้านบาทก็คือมาตรการลมๆ แล้งๆ
นายณัฐชา ได้ยกภาพเหตุการณ์ที่เกษตรนำมาปลาหมอคางคำมาเทหน้าทำเนียบรัฐบาล และเรียกร้องให้รับบาลแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่นายกรัฐมนตรีกลับไม่ออกมารับข้อเรียกร้อง แต่กลับออกมารับช่อดอกไม้อยู่ในทำเนียบรัฐบาล
ทำให้ น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงบอกว่า นายณัฐชา กล่าวความเท็จเพราะรัฐบาลได้มีการอนุมัติงบและได้ทำอีกหลายมาตรการทำให้ประธานในที่ประชุมคือ นายภราดร ปริศนานันทกุล วินิจฉัยว่าญัตตินี้ฝ่ายค้านมีหน้าที่กล่าวหาผู้ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจฉะนั้นหน้าที่ลุกขึ้นชี้แจงเป็นของนายกรัฐมนตรี
นายณัฐชา จึงอภิปรายต่อโดยเปิดคลิปวีดีโอการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ตอบคำถามถึงการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำอย่างสวยหรูเหมือนดอกไม้ที่ได้รับมา ซึ่งมันคนละโลกและยิ่งตอกย้ำไปกันใหญ่ พร้อมยกการอภิปรายของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่บอกว่า
"นายกฯ เป็นคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง ผมเชื่อว่าท่านบริหารประเทศอย่างมีสติปัญญามีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นด้วยหลักการ ถือประโยชน์ของประเทศชาติมาก่อนครอบครัวและพวกพ้อง ประชาชนชื่นชมและยอมรับ แต่ นายกฯ ลุกขึ้นและบอกว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง ผม งง ยิ่งตอกย้ำว่าเซตฉากเขียนบทไว้ให้เท่านี้ ก็ลุกขึ้นพูดเท่านี้ เขาบอกให้จับนาฬิกาด้วยนาฬิกาตัวเอง เขาบอกว่าให้พูดว่าไม่เป็นความจริง ขนาดเขาชมก็ยังพูดว่าไม่เป็นความจริง" นายณัฐชา กล่าว
อย่างไรก็ตามในระหว่างการอภิปรายของ นายณัฐชา ได้ยกหลักฐานที่อยู่ในชั้นกรรมาธิการขึ้นมาเปิดเผยให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบผ่านแผ่นชาร์จที่ นายณัฐชา ได้เตรียมมา
Advertisement
