นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปี 2567 เป็นปีที่ประเทศของเราต้องเจอกับภัยพิบัติที่รุนแรง เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภัยแล้ง และฝุ่นพิษ แต่ภัยพิบัติหนักที่สุดที่ประเทศไทยต้องเจอ คือการมีนายกรัฐมนตรี ชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นภัยที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สิน ชีวิต และร่างกายของประชาชน
เกิดขึ้นจากธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นจากมือมนุษย์ โดยมนุษย์ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเจอฝุ่นพิษ PM 2.5 รุนแรงขนาดนี้ คือมนุษย์ที่ขึ้นมาบริหารประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ ความสามารถ ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหา แต่มาบริหารประเทศเพียงเพราะผลประโยชน์ของบิดา และคนในครอบครัว 2 ปีแล้ว ที่รัฐบาลจัดการปัญหา PM 2.5 ไม่ได้เรื่อง
นายภัทรพงษ์ ขอถามตรงๆ ว่า ตอนที่นางสาวแพทองธาร เข้ารับตำแหน่ง ไม่ได้ถอดบทเรียนสรุปข้อผิดพลาดอะไรจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เลยหรือ เพราะขณะนั้น นางสาวแพทองธาร ก็อยู่ในตำแหน่งของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะเห็นความผิดพลาดของการทำงานรัฐบาลมากที่สุด
แล้วทำไมจึงไม่รู้ ทำไมจึงยังทำงานกันแบบนี้ ไหนบอกว่าทำการบ้านมาแล้ว ถ้านี่คือสิ่งที่เรียกว่าทำการบ้านมาแล้ว ตนต้องขอบอกว่าเป็นการบ้านที่ชุ่ย สร้างแต่ความวิบัติให้กับประเทศไทย ที่ต้องมีนายกรัฐมนตรี ที่โกหกจนเคยชิน และติดตัวเป็นนิสัย รวมถึงการเคลมผลงานว่าแก้ปัญหาที่ต้นตอ คิดแต่การนำเสนอเพียงแค่ให้ตัวเองดูดี
จากนั้น นายภัทรพงษ์ ได้ไล่เรียงโครงการต่างๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทางที่เป็นรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเอง พร้อมย้ำว่า "ช่วยเสแสร้งแกล้งทำเป็นจริงใจในการแก้ปัญหาหน่อย เพราะการสั่งการลอยๆ ไม่มีเนื้อหาแบบนี้ จะทำให้รัฐมนตรีไม่เห็นค่า หน่วยงานไม่เห็นหัว สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบ ก็คือประชาชน"
ดังนั้น โลกยังหมุนไปได้เรื่อย ถ้าเรายังมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ความสามารถ เชื่องช้าแบบนี้ ต้องรอให้นายทุนจูงจมูกไปได้เรื่อยๆ ปัญหาต่างๆ จะไม่มีทางแก้ได้เลย ลมหายใจจากประชาชน ไม่ใช่สิ่งที่จะมาขอร้องจากนายทุน อำนาจอยู่ในมือ ทำไมถึงไม่กล้าใช้ ทำงานแบบนี้ถึงไม่มีใครให้ค่าเลย เพราะแทบจะทุกหน่วยงานที่ไม่ได้ทำตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ย้อนกลับมาดูตัวเองหรือไม่ ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำเช่นนี้ ยังกล้าเรียกตัวเองว่านายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่
"จุดประสงค์การเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณแพทองธารคืออะไร ถ้าคุณไม่โกรธตัวเอง และยังคิดว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองเลย อย่างคิดว่าตัวเองทำเต็มกำลังสุดความสามารถเพื่อลมหายใจของประชาชนแล้ว คุณไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ปัญหา PM 2.5 ผมพูดไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว เสนอแนะทุกทางที่จะเป็นไปได้ด้วยความหวังดี เพื่อแก้ปัญหาของประชาชน
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่หนัก ไม่มีใครที่จะแก้ปัญหาได้ 100 % ภายใน 1-2 ปี แต่ทำให้ดีกว่านี้ได้เยอะ วันนี้ผมจำเป็นต้องพูดเสียงแข็งกับแพทองธาร ชินวัตร และไม่สามารถเรียกบุคคลคนนี้ ว่านายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป ทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ คือคุณต้องออกจากตำแหน่งตรงนี้ คืนปอด คืนลมหายใจ คืนสุขภาพที่ดีได้แล้ว ลาออกเถอะ คุณไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้" นายภัทรพงษ์ ทิ้งท้าย
Advertisement