ระหว่างการอภิปรายถามตอบเรื่องชาวอุยกูร์ ของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วงหนึ่ง นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคประชาชน ก็ได้ลุกขึ้นทักท้วงการอภิปรายของนายภูมิธรรมว่าใช้คำเสียดสี โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่สอง ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยว่า การอภิปรายของฝ่ายค้าน ก็ใช้คำที่เสียดสีในบางคำ ซึ่งก็ทำให้ทางฝั่งรัฐบาลมีการใช้คำที่เสียดสีบ้าง จึงขอความกรุณารัฐมนตรี ว่าเป็นผู้ใหญ่ให้ชี้แจงด้วยความสุขุมรอบคอบ
ซึ่งนายภูมิธรรมก็สวนกลับว่า จะพยายามอย่างดีที่สุด เพราะตนเองก็ไม่เคยใช้คำว่า "กีกี้" แทนสตรี อย่างที่ฝ่ายค้านได้พูด ซึ่งเป็นคำที่หยาบคายหยาบโลน สกปรก
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง และขอให้ถอนที่บอกว่าผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งนายภูมิธรรมก็ยอมถอน ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้านแต่เป็นฝ่ายค้านบางคน ก่อนจะพูดต่อว่าอย่าให้เสียเวลาเลย จะได้อภิปรายต่อในสาระ
ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ลุกขึ้นประท้วง นายภูมิธรรมตามข้อบังคับ 69 ว่ามีการเสียดสี ซึ่งเข้าใจว่าที่นายภูมิธรรมพูดถึงคือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน จึงขอให้ไปเปิดในโซเชียล แต่นายปกรณ์วุฒิยังไม่ทันพูดจบประธานไอ้ที่ประชุมได้ปิดไมค์ และไม่อนุญาตให้พูดต่อขอให้นั่งลง และชี้แจงว่าได้เตือนรัฐมนตรีไปแล้วขอให้เดินหน้าอภิปรายต่อ โดยนายปกรณ์วุฒิยังไม่ยอมนั่งลง แม้ประธานจะขอให้นั่งลงหลายครั้งก็ตาม
จากนั้นมีนายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงประธานขอให้วางตัวเป็นกลาง และขอให้ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้อธิบายความหมายของคำให้จบ
จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ พยายามจะชี้แจงว่าคำดังกล่าวไม่ได้มีความหมายหยาบโลน จึงขอให้นายภูมิธรรมถอนว่าเป็นคำพูดหยาบโลน
นายภูมิธรรมจึงขอให้ไปเปิดในกูเกิ้ลดูว่า คำว่า "กีกี้" หมายถึงอะไร เป็นความหมายหยาบโลนหรือไม่ ซึ่งระหว่างที่พูดนายภูมิธรรมก็ได้กลั้นขำไปด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีที่นั่งข้าง ๆ ก็หัวเราะโดยนำมือมาป้องปากเอาไว้เช่นกัน สุดท้ายนายภูมิธรรมก็ยอมถอนออก ทำให้นายเอกราช อุดมอำนวย สส.พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงว่ารัฐมนตรีใช้เหลี่ยม
โดยในที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงกับเรื่องคำว่า "กีกี้" มาสักระยะ ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มเกิดความวุ่นวายประท้วงไปมา จนนายภราดรต้องปิดไมค์ทั้งห้องประชุม สมาชิกในห้องประชุมจึงพากันลุกขึ้นประท้วงและตะโกนในห้องปีะชุม ทำให้นายภราดร สั่งให้ทุกคนนั่งลงถึง 4 รอบ ก่อนที่นายภราดรจะยืนประท้วงทำให้สมาชิกในที่ประชุมต้องนั่งลงตามข้อบังคับ พร้อมกล่าวว่า ประชาชนอยากติดตามการอภิปรายของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การประท้วงไปมาขออย่าให้มารกสภาแห่งนี้
Advertisement