วันนี้ (24มี.ค.68) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า โลกมีความผันผวนไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และต้องการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมในการดูแลชนกลุ่มนี้มาเป็นเวลา 11 ปี
นายมาริษ กล่าวว่า ตนทราบดีว่าการตัดสินใจแก้ปัญหาบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศไทย อาจจะไม่เป็นที่พึงพอใจของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะมหาอํานาจที่แข่งขันกัน แต่ขอยืนยันว่า นายกฯ และ ครม.ทุกคน ตั้งใจที่จะแก้ปัญหา
นายมาริษ ยังชี้แจงถึงพื้นฐานในการแก้ปัญหาครั้งนี้ว่า 1.เป็นการใช้อำนาจอธิปไตยและสิทธิของประเทศไทย 2.เป็นไปตามกฏหมายภายในของประเทศไทย 3.ไม่ขัดต่อหลักการกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
นายมาริษ กล่าวว่า เราไม่ได้เลือกข้าง หรือถูกใครบีบ แต่รัฐบาลตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานการแก้ปัญหาให้ประชาชน ตนก็ฟังเสียงประชาชนเช่นกัน ทราบว่าส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับรัฐบาล ตนและรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงด้วยเหตุและผล ทั้งนี้ ในส่วนที่หลายประเทศมีปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ ขอยํ้าว่าเราตัดสินใจบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศเป็นสําคัญ และเคารพต่อหลักการสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ตนยังเชื่อว่าประเทศในสหประชาชาติ ยังสามารถเจรจาพูดคุยได้บนพื้นฐานเหตุและผลอย่างเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวชี้แจง โดยขอพูดในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ว่า ตนเข้าใจดีในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีคุณค่า มีความสำคัญ ในตลอดชีวิตของตนที่ผ่านมา ตนยึดถือสิ่งนี้ และสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาของประเทศยาวนานมากว่า 11 ปี คือชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งตนจำได้ว่ามีการหยิบยกเรื่องกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ว่าห้องกักที่ ตม.มีสภาพทำผิดกฎหมาย มาตรา 6 และในครั้งนั้นมีการตั้งกรรมการ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามา และหลายคนในนั้นก็ได้เข้าไปดูในห้องกักของ ตม. จนส่งเรื่องมาถึงคณะกรรมการ ได้ข้อสรุปว่า ไม่ต่างจากสัตว์ที่อยู่ในห้องกัก ที่มีคนจำนวนกว่าพันคน และมีคนตายมาแล้ว 4 คน เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางออก
โดยคณะกรรมการ มีข้อเสนอดังนี้ 1.ขอให้ส่งกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยสมัครใจ 2.ให้ส่งไปยังประเทศใหญ่ๆ ในตะวันตก 3.ส่งไปที่ประเทศคนกลาง และ 4.มีการขยายพื้นที่แห่งใหม่ และมีข้อสรุปอีกว่า การอยู่ในสภาพปัจจุบัน เข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 6 มาโดยตลอด ตนตระหนักดีว่า มีเพื่อนสมาชิกหลายคน เหมือนด้วยค่าประเทศปลายทางที่จะรับไป ทั้งที่ก็เป็นหนึ่งในห้าประเทศที่มีอำนาจยับยั้งของสหประชาชาติ
ส่วนเรื่องความสมัครใจและต้องได้รับการยินยอมนั้น ตนและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีกระบวนการนำวิดีโอจากบุคคลที่เคยส่งไปแล้วกว่า 10 คน มีบันทึกเรื่องความสมัครใจและความยินยอม ซึ่งตนได้เห็นด้วยตัวเอง และตนก็ได้ถามกับ สมช.อีกว่า หากจะขอดู จะดูได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นเอกสารที่อยู่ในชั้นความลับ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้นายกัณวีร์ทำเรื่องเข้า สมช. ตามพระราชบัญญัตข้อมูลข่าวสาร เพื่อที่จะได้เห็น แต่ตนยืนยันว่า ตามกฎหมายแล้ว เขาอยู่ในสภาพที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มา 10 ปี มีการเสียชีวิต และเจ็บป่วยขณะการสอบสวน จนไม่รู้สภาพการส่งมอบมรดกของการกักขังไปอีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากที่ผ่านมา อาจจะเป็น เพราะการที่ไม่กล้าตัดสินใจ ย้ำว่า การส่งกลับ เราคำนึงถึงมาตรา 13
สำหรับสิ่งที่นายกัณวีร์ ระบุว่า เคยทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ข้าหลวงผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาตินั้น แต่ชาวอุยกูร์ไม่มีหนังสือจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เพื่อรับรองสถานะว่าเป็นผู้ลี้ภัย ย้ำว่า ไม่ว่าเราจะถูกกดดันด้วยประเทศมหาอำนาจที่กดดันด้วยการค้า แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคน ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถยืนอยู่ได้ ตนคิดว่า ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ย่อมมีความสำคัญ ตนเองมีความเสียใจที่ผู้อภิปรายขึ้นมาใช้คำพูดเหมือนด้อยค่าคนที่มีโอกาสชีวิตดีขึ้น ด้อยค่าจีนที่เป็นหนึ่งในสหประชาชาติ เป็นเรื่องที่รู้สึกเสียใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคำพูดลักษณะนี้ออกมาจากคนที่ผมมีความรักต่อเขา
Advertisement