นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจกับนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้างว่า วันนี้เศรษฐกิจ หนักกว่าเดิมมากและเจอปัญหาซ้ำเติมหลายอย่าง แต่ก็น่าจะเอาอยู่ ในหลายมิติ อาจไม่เลวร้ายเหมือนสมัยก่อน เพราะเมื่อก่อนเศรษฐกิจเหมือนบ้านหลังหนึ่ง อดีตเหมือนหลังคาพัง ซ่อมง่าย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานก็ฐานรากแย่ เก่า เสาผุพังไปหมด ดังนั้นต้องใช้วิธีการซ่อมที่ยากขึ้นและใช้เวลามากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ การซ่อมแซมก็น่าจะดีขึ้น
ส่วนกรณีการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ นายทักษิณ มองว่า เป็นลักษณะใช้สูตรเดียวเลย เอาสูตรของที่ส่ง ไทยได้ดุลการค้าเท่าไหร่ และ ทางสหรัฐขายให้ไทยได้เท่าไหร่ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วหารสอง เช่น ทางกัมพูชา ขายของให้สหรัฐได้น้อย แทบไม่ได้ซื้อของจากสหรัฐเลย ทำให้สหรัฐคิดเป็น 90% แล้วหารสอง จึงเป็นลักษณะการใช้สูตรเดียว แต่สหรัฐทำเช่นนี้ เพราะว่าต้องการให้แต่ละประเทศเข้าไปเจรจา ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้มีการติดต่อแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็ได้มีการประชุมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมีความชัดเจนแล้วเช่นกันว่าจะส่งตัวแทนไปเจรจา ก็น่าจะคืบหน้าได้ด้วยดี
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่มีอะไรที่จะแนะนำ เนื่องจากระบบภาษีและระบบกีดกันทางการค้า ที่เคยมีในอดีตเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ไม่เคยแก้ไข จนทางสหรัฐมีความรู้สึกว่า มีการกีดกันทางการค้ามากเกินไป
“ยกตัวอย่างเช่น รถมอเตอร์ไซค์ที่สหรัฐ ผลิตฮาเล่เดวิสัน จะมาแข่งอะไรกับรถมอเตอร์ไซค์ คาวาซากิ ซูซูกิ หรือ ฮอนด้า ก็คงไม่แข่งกันหรอก แต่เราก็ไปตั้งภาษีซะสูง เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ ก็คงต้องมาปรับ ในส่วนของเรา” นายทักษิณ กล่าว
ดังนั้น จำเป็นต้องมีการปรับ ซึ่งไทยก็ต้องปรับในส่วนของตัวเอง แต่ใช่ว่าจะยอมไปทุกอย่าง หรือลดภาษีเหลือศูนย์ก็ได้ แต่ถ้าศูนย์ก็ต้องศูนย์ทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นลักษณะข้อตกลงการค้าเสรี (Free trade agreement)
Advertisement