วันที่ 28 เม.ย. 68 นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 210 (ค่ายพระยอดเมืองขวาง) อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อรับฟังรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ตามมาตรการซีลพื้นที่ชายแดน 2 ชั้น (Seal Stop Safe) ของรัฐบาล
โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการ นบ.ยส.24 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นบ.ยส.24 เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนนโยบายการสกัดกั้น ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด หลังจากรัฐบาลเปิดปฏิบัติการซีลพื้นที่ชายแดน 2 ชั้น (Seal Stop Safe) สามารถจับกุมยาบ้ากว่า 100 ล้านเม็ด ไอซ์กว่า 10 ตัน ได้จากบริเวณชายแดนแถบนี้ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของยาเสพติดที่จับได้ทั่วประเทศ สามารถป้องกันยาเสพติดจากบริเวณชายแดนที่จะเข้าประเทศได้มากกว่าครึ่ง เป็นผลงานที่น่าชื่นชม จ.นครพนม จึงเป็นด่านสำคัญในการป้องกันไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ เนื่องจากมีสถิติการจับกุมยาเสพติด มากที่สุดในพื้นที่ นบ.ยส.24
รวมทั้งยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย เนื่องจากปัจจุบันผู้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดมีเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น โดรนตรวจจับความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ รวมถึงการลักลอบขนส่งยาเสพติดตลอดแนวลำน้ำโขงที่มีช่องทางต่างๆ จำนวนมาก ยากต่อการจับกุม ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) จึงเป็นเรื่องสำคัญในการปราบปรามและจับกุมผู้ลักลอบค้ายาตามแนวชายแดนร่วมกัน โดยเฉพาะ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันเพื่อล็อกเป้าปราบปรามและจับกุมอย่างแม่นยำ
พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรม ได้มอบนโยบาย โดยเน้นย้ำให้เข้มงวดในการตรวจตราท่าข้ามต่างๆ ซึ่งอาจไม่ได้ตรวจสอบสินค้าที่นำผ่านข้ามแดนอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องดำเนินการบำบัดฟื้นฟูควบคู่กันไปด้วย เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่จากผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งต้องสร้างกลไกชุมชนเข้มแข็ง สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนควบคู่กันไป ปฏิบัติการเชิงรุกเอกซเรย์ชุมชน 100% โดยใช้ความสำเร็จจาก 'ธวัชบุรีโมเดล' เป็นต้นแบบ
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เน้นย้ำและกำชับว่า หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของทางการ ข้าราชการ เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้า หรือลักลอบนำเข้ายาเสพติด หรือดำเนินการหย่อนยาน จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด
"คนทำดีต้องได้ดี คนที่มีปัญหาต้องได้รับบทลงโทษที่เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ายาเสพติดเป็นสิ่งที่ทำลายรากฐานของสังคมไทย ทำลายชีวิตของเกษตรกร ทำลายชีวิตของประชาชน ชุมชนต่างๆ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปล่อยปละละเลย และยอมไม่ได้ ถ้าพบว่าหย่อนยาน ไม่ทำให้งานนี้คืบหน้า พบว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนหรือไปร่วมธุรกิจกับเขาด้วย ไม่มีคำแก้ตัว หรือไม่มีคำขอจากใครได้นะครับ อันนี้ชัดเจนแล้ว เป็นระดับนโยบายว่าจะจัดการเด็ดขาดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียส" นายภูมิธรรม กล่าว
พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรม ได้กล่าวเน้นย้ำด้วยว่า จ.นครพนมเป็นจังหวัดที่เชื่อมต่อเส้นทางสู่หลายจังหวัด หากสามารถจะจัดยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสร้างผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.นครพนม และพื้นที่จังหวัดต่างๆ รอบชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างสมดุล โดยคำนึงถึงทางด้านมิติความมั่นคง และมิติของการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน ที่มีความสำคัญต่อประชาชน ควบคู่ไปทั้งสองด้าน
Advertisement