วันที่ 30 ส.ค. 68 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นาย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการดีลกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ขอให้ยกมือสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี 8 เก้าอี้
โดยนายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ไม่มีดีล ซึ่งวัตถุประสงค์ของพรรคประชาชนคือต้องการใช้ 143 เสียง เพื่อผ่าทางตันทางการเมืองให้กับประเทศโดยที่เราไม่ร่วมรัฐบาล เราปฏิเสธไม่รับการเจรจาใต้โต๊ะ หรือหลังบ้านใดๆ ทั้งสิ้น หากไม่ได้ส่งกรรมการพรรคของพรรคเข้ามาพูดคุยกับตนหรือผู้บริหารพรรค เพื่อแสดงเจตจำนงหรือรับข้อเสนอรับไม่รับว่าเป็นข้อเสนอ
“สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตถึงจะมีการเจรจาบนโต๊ะ แต่ยังมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ล้มดีล ฉีก MOU ที่ทำไว้ต่อประชาชน ในครั้งนี้ผมในฐานะหัวหน้าพรรคขอไม่รับข้อเสนอใดๆ ที่ไม่มีการแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเลือกว่าจะโหวตให้ใครใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจจากกรรมการบริหารพรรค และ สส. ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดย TOR ที่เราเปิดออกไปเป็นข้อเสนอที่ทุกพรรคที่ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากได้ และจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคประชาชน ก็จำเป็นต้องยอมรับตามข้อเสนอของเรา
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการติดต่อหรือมาเจรจาแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การให้ข่าวหรือการบอกว่าไปแอบเจรจากับใครลับหลัง โดยที่ไม่เจรจากับตนหรือผู้บริหารของพรรคโดยตรง เท่ากับเราไม่รับข้อเสนออย่างเป็นทางการใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการฟังข่าวอย่างเป็นทางการ และสถานการณ์ตอนนี้ ตนเชื่อว่า มีการปล่อยข่าวโคมลอย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาล
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังไม่ประเมินว่าใครจริงใจหรือไม่จริงใจ อยากให้ประเมินจากเสียงในสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน และ TOR ขณะนี้ทุกพรรคคงมีโอกาสเท่ากันๆ เราไม่มีธงล่วงหน้า ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด ทุกคนมีโอกาสเท่ากันตราบใดที่แสดงเจตจำนงชัดเจน
ส่วนหากเลือกยกมือให้พรรคใดพรรคหนึ่ง จะกังวลกระทบฐานเสียงหรือไม่ เพราะมีบางส่วนไม่อยากให้โหวตนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนต้องมีการสื่อสารทั้งภายในพรรค และภายนอก รวมถึงผู้สนับสนุนพรรค เราตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง โดยสถานการณ์ในประเทศที่รุมเร้าอยู่หลายด้านการที่มีรัฐบาลที่ชอบธรรมจากการเลือกตั้งประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สุดท้ายหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยรวมกัน และเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีแทน จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนช่วยประเมินฉากทัศน์ และยืนยันว่า ถ้ามีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคประชาชนไม่สามารถโหวตให้ได้แน่นอน
ส่วนท่าทีหลังจากที่มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อวานนี้เป็นอย่างไร นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นการพูดคุยที่ให้เกียรติกันในฐานะนักการเมือง และผู้บริหารพรรคจะสามารถเชื่อใจพรรคภูมิใจไทยได้มากน้อยขนาดไหน อยู่ที่การจัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย รวมถึงการใช้จำนวนเสียง สส.ของพรรคประชาชน ที่เรายืนยันว่า จะทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน และกรอบระยะเวลา 4 เดือน หากมีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่สมควร หรือทำให้ขบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง เราพร้อมที่จะใช้จำนวนเสียงในสภาฯ ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
ทั้งนี้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ มีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ได้มอบภาพ โฉนดที่ดินเขากระโดงยื่นให้นายณัฐพงษ์ ให้นำไปพิจารณา หากจะยกมือโหวตนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยกังวลว่าจะทำให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความล่าช้า หรือพังทลายไป
อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรอบเงื่อนไขการยุบสภา 4 เดือนว่ามีการพูดคุยกันในพรรคแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอเรื่องการทำประชามติ เพื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง และเห็นว่ากรอบ 4 เดือนหลังจากที่แถลงนโยบายต่อสภา จะเริ่มเห็นความชัดเจน ว่าการทำประชามติ พร้อมการทำเลือกตั้งจะเป็นคำถามแบบใด ถือเป็นกรอบเวลาที่ได้กำหนดไว้แล้ว ไม่มีช้าไปกว่านี้
ส่วนที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า อาจจะขอเจรจาขยายเรื่องให้เป็นยุบสภาฯ เป็น 6 เดือน เชื่อว่า เป็นกรอบที่ทำทัน และเหมาะสมในการทำประชามติ
สำหรับกระแสข่าวการชิงยุบสภาฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากเพื่อไทยใช้จังหวะนี้ในการยุบสภาฯ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวทางนี้คงยุบสภาฯ ไปนานแล้ว ตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาชน แต่ตอนนี้มีการพยายามให้ข่าวว่า เรื่องอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีในการยุบสภาฯ ตนมองว่า เป็นเพราะเพื่อไทยต้องการคุมอำนาจ และสร้างอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมที่เพื่อไทยต้องการคุมเสียง เชื่อว่าทุกคนมองออกได้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตในความจริงใจของการใช้อำนาจยุบสภาของพรรคเพื่อไทย ถ้าหากจริงใจก็คงไม่ต้องรอถึงวันนี้
ส่วนกระแสข่าวลือว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่ทราบในรายละเอียด พร้อมย้ำว่า พรรคประชาชนจะรับพิจารณาเฉพาะพรรคการเมือง ที่มาพูดคุยด้วยตัวเองเท่านั้น
ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการตัดสินใจที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองนั้นจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยว่า ตนมีเป้าหมายคือการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งหมายถึงการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่ พร้อมเลือกรัฐบาลชุดใหม่ และตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร แต่จะใช้เสียง 143 เสียงของพรรคในการโหวตนายกต้องสอดคล้องกับการเดินหน้าเลือกตั้งในวันที่เหมาะสม
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า จากสมการทางการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเลือกทางใดทางหนึ่งนั้น พรรคประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจ โดยจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส. ของพรรคในช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.นี้ และพรรคจะตัดสินใจ พร้อมย้ำถึงการตัดสินใจที่หนักแน่น และจะใช้ทุกเสียงที่จะกำกับทิศทางประเทศให้เดินไปในทิศทางที่ดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่ได้เสนอที่เป็นไปได้ และมีความจำเป็น
นายณัฐพงษ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในช่วง2-3วันนี้จะมีการลงนาม MOU สนับสนุนการโหวตนายกรัฐมนตรีกับพรรคการเมืองที่ได้ ตอบรับข้อเสนอพรรคประชาชน และเชื่อว่าจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 ก.ย.นี้
Advertisement