อดีตแกนนำ กปปส. อัด ประยุทธ์ ปฏิรูปประเทศไม่คืบ ซ้ำตอกย้ำความล้มเหลวด้วยกรณี บิ๊กโจ๊ก
การเมืองร้อนฉ่า นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฉะอีกไม่กี่วันจะครบรอบ 7 ปีของการ รัฐประหาร โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่ปี 2557 ทั้งเป็น หัวหน้าคสช.ทั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จนเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประชาชนทั้งประเทศฝากความหวังไว้โดยเฉพาะการติดตามในคดีการทุจริตของรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งยอมรับว่าได้ผลโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว สามารถเอาคนผิดเข้าคุกแม้จะเปิดโอกาสให้คนบางคน เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศได้ 7 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธทำได้ดีในหลายเรื่องโดยเฉพาะวิกฤตโควิด
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นและเรียกร้องให้ดำเนินการคือการปฏิรูปประเทศ หลักๆ 2 ประเด็นคือ การปฏิรูปการเมือง
ที่ผ่านมาการเลือกตั้งท้องถิ่นอบจ.เทศบาล เมื่อมาถึงวันนี้ต้องบอกว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครกล้าพูดว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมาไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ที่สำคัญคือรัฐบาลปล่อยให้ กกต.รับมือเพียงลำพัง ไม่ได้ขยับที่จะป้องกันการทุจริต ส่งเสริมให้เกิดการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม สุดท้ายเราเห็นนักเลือกตั้งอาชีพที่รู้ทางหลบทางหลีกเงินสะพัดอย่างรุนแรง ในการเลือกตั้งสุดท้ายได้สภาที่ฝากความหวังไม่ได้ คนที่เป็นรัฐบาลหลงระเริงกับตำแหน่ง
คนที่เป็นฝ่ายค้านก็หลงกับสิ่งที่อยากทำ ไม่ได้ควบคุมตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลอย่างที่ควรจะเป็น และอยากขอร้องว่าการ เลือกตั้ง
อบต.ที่จะถึงนี้ รัฐบาลควรดำเนินการให้เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ถ้าเห็นการซื้อเสียงเมื่อไหร่ก็จะเห็นการถอนทุนกลับมา
นายวิทยา ยังกล่าวถึงการปฏิรูประบบราชการวันที่การเมืองเหลวแหลกการทุจริต คอรัปชั่นโครงการใหญ่ เริ่มเกิดขึ้นใน 7 ปี ที่ผ่านมาตัวเลขฟ้องว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ประสบผลสำเร็จในการปราบปรามทุจริต แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือพลเอกประยุทธ์ได้รับการยอมรับว่าคือคนที่สุจริต ไม่เคยมีใครตำหนิว่าทุจริต แต่สิ่งที่น่ากลัวคือคนรอบข้างองคาพยพมีการทุจริตที่รุนแรงขึ้น เพราะฉะนั้นการปฏิรูปจึงล้มเหลวในเรื่องการปฏิรูปประเทศ มีเรื่องการปฏิรูปตำรวจซึ่งรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องใหญ่ต้องเสร็จใน 1 ปี วันนี้รัฐธรรมนูญใช้เกือบ 4 ปี การปฏิรูปตำรวจไม่มีความคืบหน้า ส่วนของผมนั้นต้องคดีหมิ่นประมาทจนวันนี้ยังติดตามคดีไม่ได้
"สิ่งที่เป็นคำตอบคือการแต่งตั้งคนที่เตรียมเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโผล่ขึ้นมาอีก ถ้าการปฏิรูปตำรวจถือว่าประสบความสำเร็จวันที่เอา พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล มาเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมคิดว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง"
ทั้งนี้ นายวิทยา ยังเรียกร้องถึงการปฏิรูปตำรวจว่าอย่าเล่นกันแบบพลิกไปพลิกมา สุดท้ายเรื่องที่เข้าสภาคาดหวังอะไรไม่ได้ ไม่ได้เดินตามแนวทางที่ควรจะเป็น คณะทำงานที่เคยทำรายงานกันไว้ไม่เคยถูกหยิบยกมาใช้เลย หลังจากนี้เตรียมที่จะต้องพบกับฤดูกาลโยกย้ายที่มีการซื้อขายตำแหน่งกันอย่างรุนแรงที่สุด
สุดท้ายของการซื้อขายเสียง คือการเข้าไปโกง สุดท้ายของการซื้อขายตำแหน่ง คือการเข้าไปใช้อำนาจทุจริตคอรัปชั่น ถ้าถึงขนาดนี้การปฏิรูปล้มเหลว ไม่สามารถพาบ้านเมืองไปข้างหน้าได้เลย
Advertisement