วันนี้ พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9/ผบ.กกล.สุรสีห์ ได้รับรายงานจาก พ.อ.เฉลิมชัย ชัดใจ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.ธัชเดช อาบัวรัตน์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ว่า ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณป่าบ้านท้ายเหมือง หมู่ 3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค และ ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค นำกำลังเข้าตรวจสอบ ผลปรากฏพบแรงงานชาวเมียนมาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม นับรวมกันได้จำนวน 29 คน เป็นชาย 24 คน และหญิง 5 คน
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.เมียวดี จ.พะโค จ.ยะไข่ จ.ทวาย และ จ.มะกเว ประเทศเมียนมา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ลักลอบข้ามแดนเพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรปาการ จ.สมุทรสาคร จ.สุพรรณบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ราชบุรี โดยจะจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนละ จำนวน 18,000 – 20,000 บาท/คน เมื่อไปถึงที่หมาย แต่สุดท้ายก็มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) กองกำลังสุรสีห์ พร้อมชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย.ทพ.1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวขณะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณไร่ข้าวโพดบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 33 คน เป็นชาย 21 คน และหญิง 12 คน
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.พะโค จ.ทวาย เมาะลำไย ย่างกุ้ง จ.เมียวดี และ จ.เย ประเทศเมียนมา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ลักลอบข้ามแดนเพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี และ กรุงเทพฯ โดยจะจ่ายเงินให้กับนายหน้าเมื่อถึงปลายทาง จำนวน 19,000 บาท/คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ทำการตรวจวัดอาการไข้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหลังจากกลุ่มแรงงานทั้ง 62 คน ให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท้องที่เกิดเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) และฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ตามมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ก่อนที่จะส่งให้ ตม.ผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป
Advertisement