ตำรวจออกหมายเรียกช่างไฟ เมาน์เทน บี (Mountain B) เตรียมแจ้งข้อหาประมาทร่วม ย้ำตำรวจทำเต็มที่ยันไม่มีการแทรกแซงคดี
พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวอมรินทร์ ออนไลน์ ถึงความคืบหน้าคดีไฟไหม้ สถานบันเทิง เมาน์เทน บี (Mountain B) ซึ่งวันนี้ครบรอบ 1 เดือนของเหตุการณ์ว่า หลังจากที่มีการออกหมายจับและแจ้งข้อหาไปแล้ว 3 คน คือ นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ เสี่ยบี อายุ 28 ปี เจ้าของ เมาท์เทน บี , นางอนงค์นาถ ปั้นประสงค์ ภรรยาเสี่ยบี และ นายสมยศ หรือเสี่ยยศ อายุ 55 ปี พ่อของเสี่ยบี ซึ๋งเป็นเจ้าของผับที่แท้จริง แต่ใช้ชื่อลูกชายในการดำเนินกิจการ
โดยทั้ง 3 คนถูกแจ้งข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สาหัส และ เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา
ตอนนี้ตำรวจได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 1 คน เป็นช่างไฟ ที่เดินไฟฟ้าในสถานบริการเมาน์เทน บี ตั้งแต่เริ่มสร้างอาคาร และเป็นคนที่เข้าไปซ่อมแซม แก้ไข เดินสายระบบไฟบนเพดานในวันก่อนที่จะเกิดเหตุ เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องว่าร่วมประมาทด้วย โดยออกหมายเรียกไปตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมแจ้งข้อหาประมาทร่วม
ซึ่งในส่วนของคดีที่ทางครอบครัวของผู้เสียหายทั้งหมดกังวลในเรื่องของความล่าช้าและเกรงว่าจะมีการแทรกแซงคดีนั้น ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีใครมาแทรกแซงได้อย่างแน่นอน ตำรวจทำเต็มที่ สาเหตุที่ล่าช้า เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบเวลา ขอให้มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่
“ผมยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงอย่างแน่นอน อยากให้ผู้เสียหายมั่นใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด เนื่องจากเราต้องรอผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องใช้เวลา รวมถึงใบแพทย์ของผู้บาดเจ็บ การจะสรุปสำนวนได้ต้องครบทุกองค์ประกอบ และตำรวจต้องรอผลทั้งหมดก่อน จึงจะยืนยันหลักฐานได้ว่าใครผิดใครถูก แล้วจึงจะสามารถเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมารับทราบข้อกล่าวหาได้
โดยในส่วนของสาเหตุของเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งไฟไหม้ ความร้อนจากไฟฟ้าที่ติดไฟขึ้น และทั้งจากความประมาทตั้งแต่เริ่มสร้างอาคาร สร้างผิดแบบ ใช้วัสดุที่ไม่สามารถกันไฟไหม้ได้ และไม่มีทางหนีไฟถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด แต่ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆนั้นคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบรูปคดี” พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์
ส่วนที่ฝั่งครอบครัวของผู้เสียหาย ต้องการให้นำคดีไปรวมที่กองปราบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ทั้งนี้พนักงานสอบสวนไม่สามารถส่งสำนวนไปเอง ได้ต้องให้กองปราบเป็นฝ่ายเรียกมา ย้ำว่าคดีนี้ตำรวจทำทุกอย่างเต็มที่
Advertisement