กรมอนามัย แจงคืบหน้า ‘ฟันเทียม-รากฟันเทียม’ ของขวัญผู้สูงวัย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ประชุมติดตามโครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมสมบูรณ์ วัชโรทัย อาคาร 1 ชั้น 2 กรมอนามัย พบประชาชนเข้าถึงการบริการ
มากขึ้น หลังกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศของขวัญปีใหม่กระทรวงสาธารณสุข “2566 ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” คาดหวังให้ผู้สูงอายุไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศของขวัญปีใหม่กระทรวงสาธารณสุข “2566 ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบและทั่วถึง โดยโครงการฟันเทียม ฝังรากฟันเทียม เป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ของผู้สูงวัยด้วย โดยมีเป้าหมายดำเนินการใส่ฟันเทียมทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก ในผู้ที่สูญเสียฟันสำหรับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพ สิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคม
โดยในปี 2566 มีเป้าหมาย จำนวน 36,000 ราย ตั้งเป้า จำนวน 72,000 ราย ในปี 2567 สำหรับการฝังรากฟันเทียม เป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ทันตแพทย์วินิจฉัยว่า สันเหงือกแบน ละลายตัว ไม่สามารถใส่ฟันเทียมให้แน่นตามวิธีการปกติได้ จำเป็นต้องทำฟันเทียมร่วมกับการฝังรากฟันเทียมในสันเหงือก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบดเคี้ยว
โดยในปี 2566 มีเป้าหมาย จำนวน 3,500 ราย และปี 2567 จำนวน 3,700 ราย รวม 7,200 ราย
“สำหรับการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการฟันเทียม รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เป็นการติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ด้านการบริหารจัดการ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล และการพัฒนาศักยภาพทันตบุคลากร และมีประเด็นพิจารณาใน 2 ประเด็น
1) แผนการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ และการจัดกิจกรรม เพื่อให้ประชาชนตลอดจนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรับรู้เกี่ยวกับโครงการ ให้ประชาชนเข้าใจขั้นตอนการทำรากฟันเทียมรองรับฟันเทียม ลดความกลัว กังวลในกระบวนการวิธีการเข้าถึงบริการ ตลอดจนการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2) การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ ให้สามารถรองรับการบริการอย่างทั่วถึง โดยเพิ่มจำนวนหน่วยบริการให้ครอบคลุม และมีความพร้อมในการให้บริการมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้ หน่วยบริการทุกแห่งของกระทรวงสาธารณสุข สามารถจัดบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากหรือเกือบทั้งปากได้
สำหรับการฝังรากฟันเทียมในโครงการฯ มีหน่วยบริการที่เข้าร่วม จำนวน 214 แห่ง จาก 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ โดยการประสานกับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ให้สื่อสาร คัดกรอง ประสานส่งต่อ และการจัดการระบบรายงานข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
Advertisement