ไฟไหม้ไร่อ้อย 24 ไร่ ที่อำเภอพิมาย โคราช ซ้ำเติมสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ทางการเตือนเกษตรกรหยุดเผา! ไฟเขียวใช้ยาแรงเอาผิดสูงสุดทางกฎหมาย
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 5 ก.พ. 66 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ พรหมหมื่นไวย ผกก.สภ.พิมาย จ.นครราชสีมาได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นบริเวณกว้างบนเนื้อที่กว่า 24 ไร่ ที่บ้านบุญส่งสามัคคี หมู่ 20 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงสั่งการให้ ร.ต.ต.สุรสิทธิ์ เหล็กกรุง สายตรวจตำบลนิคมเข้าไปตรวจสอบ เกรงจะลุกลามไปไหม้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง จึงรีบประสานรถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลนิคม, รถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง และรถดับเพลิงจากบริษัทอุตสาหกรรมโคราช จำกัด (โรงงานน้ำตาลพิมาย)
ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกำลังช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกลามไร่อ้อยที่เก็บเกี่ยวไปแล้วและกำลังจะงอกใหม่ ซึ่งบางคนหิ้วถังน้ำบางคนใช้บัวรดน้ำเพื่อช่วยกันดับไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
ซึ่งจากการสอบถามนายสุชิน ศรสูงเนิน อายุ 66 ปี ชาวบ้าน บ้านบุญส่งสามัคคี ต.นิคมสร้างตนเอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับไร่อ้อยที่เกิดเหตุเล่าว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านก็สังเกตเห็นมีกลุ่มควันพวยพุ่งมาจากทางไร่อ้อยข้างบ้านพอออกมาดูก็เห็นไฟกำลังลุกลามอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบต้นตอว่ามาจากไหน จึงรีบตะโกนบอกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงให้รีบช่วยกันดับไฟ
แต่ขณะนั้นมีลมพัดมาตลอดเวลาทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งรถดับเพลิงให้มาช่วยดับเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายและไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นเสียหาย
สำหรับสาเหตุไฟไหม้ไร่อ้อยในครั้งนี้น่าจะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากการลักลอบจุดไฟเผาหรืออย่างไร แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ยิ่งส่งผลทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศและปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอพิมายได้มีการประกาศแจ้งเตือนเกษตรกร พร้อมกับรณรงค์ให้ชาวนาและชาวไร่ในพื้นที่หยุดการเผาไร่อ้อยและพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และมีมาตรการขั้นเด็ดขาด เอาผิดกับเกษตรกรที่ลักลอบจุดไฟเผาตอซัง ฟางข้าวและอ้อย
Advertisement