Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ซีเซียม-137 ที่หายไปถูกหลอมแล้วจะเป็นอย่างไร อันตรายมากน้อยแค่ไหน

ซีเซียม-137 ที่หายไปถูกหลอมแล้วจะเป็นอย่างไร อันตรายมากน้อยแค่ไหน

22 มี.ค. 66
10:15 น.
|
1.1K
แชร์

คนในวงการรังสี ตอบข้อสงสัย ซีเซียม-137 ที่หายไปถูกหลอมแล้วจะเป็นอย่างไร อันตรายมากน้อยแค่ไหน อันตรายเท่าเหตุการณ์ใหญ่หรือไม่

ดร.กิติวัฒน์ คำวัน โพสต์เฟซบุ๊ก Kitiwat Khamwan โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากที่มีการแถลงข่าวถึงสถานการณ์ ซีเซียม-137 ที่หายไป จนตอนนี้เริ่มพูดกันในวงกว้างและคนเริ่มกลัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ มีการแชร์ข้อมูลต่างๆนานา ซึ่งส่วนใหญ่จากมาจาก fake news ในโลกโซเชียล และจนถึงขั้นที่ว่าหากถูกหลอมไปแล้วจริงจะเกิดการฟุ้งกระจายไปในบรรยากาศปลิวไปไกลเป็นพันๆ กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อคนทั้งประเทศ

จริงๆ แล้วก็คิดว่าคงไม่ขนาดนั้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการรังสี ผศ.ดร.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ หัวหน้าภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้ออกมาพูดแล้วตามที่เห็นในสื่อต่างๆ ที่แชร์กันในสื่อออนไลน์ หลายข่าวก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย ทาง ปส. ก็ได้ทำการวัดรังสีรอบๆ พื้นที่ที่คาดว่าจะมีการปนเปื้อนรังสีก็วัดไม่ขึ้น ในส่วนบริเวณพื้นผิวของถุงบิ้กแบ็กเท่าที่ทราบคืออัตราปริมาณรังสีที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 3 ไมโครซีเวิร์ต/ชั่วโมง ซึ่งเมื่อยิ่งอยู่ห่างออกมาปริมาณรังสีจะยิ่งลดลงตามกฏกำลังสองผกผัน

 

เทียบเหตุการณ์ โคบอลต์-60 – เชอโนบิล

 

ส่วนเหตุการณ์ โคบอลต์-60 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2543 อันนั้นปริมาณรังสีสูงกว่าเหตุการณ์นี้เยอะมากๆๆประมาณ 10,000 เท่า เพราะเป็นที่ส่วนหัวที่ใช้สำหรับฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง ความแรงรังสีของ Cs-137 ที่เหลืออยู่ของแท่งนี้อยู่ที่ประมาณ 41 มิลลิคูรี เทียบเท่ากับปริมาณซีเซียม-137 0.00047185 กรัม โดยประมาณเท่านั้น ซึ่งแทบจะเทียบกันไม่ได้เลยกับ ซีเซียม-137 ปริมาณ 27 กก. จากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอโนบิล

ซีเซียม - 137

 

ซีเซียม-137 ถ้าถูกหลอมอันตรายไหม

 

ซีเซียม-137 ถ้าถูกหลอมไปแล้วจริง คงจะต้องไปดูเรื่องของการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งอันตรายแบบเฉียบพลันจากการรับปริมาณรังสีมากๆในครั้งเดียว หรือที่เรียกว่า “acute effect” ตามที่แชร์กันคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ แต่อาจจะต้องติดตามดูผลระยะยาวเรื่องความเสี่ยงโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมไทรอยด์ของคนในพื้นที่ ซึ่งที่ต่างประเทศเมื่อเกิดเหตุลักษณะแบบนี้เค้ามีการติดตามดูผลระยะยาวไปถึง 20-30 ปีข้างหน้า เช่น เหตุการณ์อุบัติเหตุทางรังสี ซีเซียม-137 ที่เมืองโกยาเนีย ประเทศบราซิล ปี 1987 (บ้านเราก็น่าจะมีโมเดลนี้เช่นกันหรือเปล่า??)

 

ถ้า ซีเซียม-13 ฟุ้งไปในอากาศจะเกิดอะไรขึ้น

 

หากเกิดฟุ้งกระจายออกไปในชั้นบรรยากาศจริง ต้องเทียบปริมาณรังสีกับพื้นที่ชั้นบรรยากาศทั้งจังหวัด หรือรอบๆแถวนั้นอย่างน้อยที่สุด ซึ่งความเข้มข้นของ ซีเซียม-137 ต่อตารางเมตรจะน้อยมาก ปริมาณรังสีอยู่ในระดับที่ต่ำมากจนเครื่องวัดรังสีอาจจะวัดไม่ขึ้น ไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่าร่างกายของคนเราเองก็มีความทนทานต่อรังสีในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกทีครับว่าระดับปริมาณรังสีเกินกว่าในชีวิตประจำวันหรือไม่  หากอ้างอิงตัวเลขจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) ค่ารังสีส่วนเกินจากธรรมชาติที่คนทั่วไปควรได้รับไม่ควรจะเกิน 1 มิลลิซีเวิร์ต/ปี

 

ซีเซียม - 137

 

ถ้ารับรังสีจาก ซีเซียม-137 เข้าร่างกายจะเป็นอย่างไร

 

คนเราได้รับรังสีจากทางธรรมชาติทุกวัน เช่นรังสีคอสมิกจากนอกโลก รังสีเรดอนจากพื้นโลก อาคารที่พักอาศัย แม้แต่อาหารที่รับประทานเข้าไป ก็ยังมีโปแทสเซียม-40 ซึ่งเป็นธาตุที่จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต ธาตุนี้เป็นไอโซโทปรังสีที่ปลดปล่อยรังสีแกมมาและบีตา มีค่าครึ่งชีวิตยาวนานยิ่งกว่า ซีเซียม-137 และพบได้ในธรรมชาติ เช่น ในดินและพืช ซึ่งเราได้รับธาตุนี้จากการบริโภคอาหาร ซึ่งเราก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ถ้าหากซีเซียม-137 ถูกหลอมและออกไปสู่สิ่งแวดล้อมจริงๆ คิดว่าคงไม่เกินค่าระดับรังสีพื้นหลัง เนื่องจากถูกเจือจาง (dilute) ไปในธรรมชาติจนอยู่ระดับที่ต่ำมาก ค่าเฉลี่ยระดับรังสีพื้นหลัง (background radiation) ทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิซีเวิร์ต/ปี อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ

ถึงแม้ทาง ปส. ออกมายืนยันว่าไม่พบการปนเปื้อนของ ซีเซียม-137 ของคนในโรงงาน และค่าปริมาณรังสีที่วัดได้จากพื้นที่ชุมชนรอบๆ อยู่ในระดับที่ปลอดภัย แทบจะไม่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สบายใจได้ 100% จึงควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดไม่ประมาทแต่ก็ไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกจนเกินไป

หวังว่าสถานการณ์จะไม่บานปลายเลวร้ายถึงขั้นประชาชนแห่กันไปซื้อพรัสเซียนบลู (Prussian blue) หรือไอโอดีนมากักตุนเพื่อเอาไว้กำจัดสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ออกจากร่างกายนะครับ เพราะ ณ ขณะนี้คงไม่มีความจำเป็นและรุนแรงถึงขนาดนั้น และขอร่วมเป็นกำลังใจให้คนในพื้นที่สามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดีนะครับ

ปล. ภาพตัวอย่างคือ ซีเซียม-137 ที่ใช้สำหรับการปรับเทียบเครื่องมือทางรังสี dose calibrator ในแผนกเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่ใช้งานเป็นประจำทุกวันครับ

Advertisement

แชร์
ซีเซียม-137 ที่หายไปถูกหลอมแล้วจะเป็นอย่างไร อันตรายมากน้อยแค่ไหน