รวบคาสนามบินภูเก็ต สาววัย 28 ปี พบโคเคนหนักกว่า 2.3 กก. ซุกช่องลับในกระเป๋าเดินทาง หลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงผลการบูรณาการของหน่วยปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task force : AITF) ซึ่งประกอบด้วยศุลกากร, บช.ปส., ศรภ.และสำนักงาน ป.ป.ส.จับกุม น.ส.วีรวรรณ อายุ 28 ปี ชาว กทม.พร้อมโคเคน 2,352 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับภายในกระเป๋าเดินทาง เส้นทางการเดินทางอิสตันบูล ประเทศตุรกี-โดฮา ประเทศกาตาร์-ท่าอากาศยานภูเก็ต ประเทศไทย
นายวิชัยกล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2565 ชุดปฏิบัติการ AITF ตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศพร้อมโคเคน 663 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับขอบกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิ จํานวน 2 ชิ้น ซึ่งพัสดุถูกส่งมาจากประเทศโคลอมเบียจากการสืบสวนขยายผลพบว่า น.ส.วีรวรรณ มีความเกี่ยวข้องกับพัสดุดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนติดตามเฝ้าระวังพฤติการณ์อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งวันที่ 10 มี.ค.2566 เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่ าน.ส.วีรวรรณได้เดินทางไปยังต่างประเทศ เส้นทางการเดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ต ประเทศไทย-โดฮา ประเทศกาตาร์-อิสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นเส้นทางการเดินทางต้องสงสัยว่าหากมีการเดินทางกลับเข้าประเทศไทยอาจจะมีการซุกซ่อนยาเสพติดเข้าประเทศ
นายวิชัยกล่าวต่อว่าจากกรณีดังกล่าวตนจึงสั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติดสืบสวนเฝ้าระวังเครือข่ายที่จะลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 สำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้ชุดปฏิบัติการ AITF สืบสวนทราบว่า น.ส.วีรวรรณ เตรียมเดินทางกลับเข้าประเทศไทยที่ท่าอากาศยานภูเก็ต จึงประสานข้อมูลไปยังศุลกากรประจำท่าอากาศยานภูเก็ตให้ทำการตรวจค้น น.ส.วีรวรรณ ผลการตรวจค้นพบโคเคน 2,352 กรัม ซุกซ่อนในช่องลับภายในกระเป๋าเดินทางดังกล่าว
นายวิชัยกล่าวอีกว่า ยาเสพติดประเภทโคเคนที่ผ่านมาพบผู้ลำเลียงเป็นชาวแอฟริกันตะวันตกและชาวตะวันออกกลาง ใช้วิธีการซุกซ่อนยาเสพติดโดยการกลืนลงท้องหรือซุกซ่อนภายในช่องลับของกระเป๋าสัมภาระ ลักลอบลําเลียงมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชียตะวันออกกลางที่มีการค้ายาเสพติด
ในบางกรณีพบว่าบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดจะนำกระเป๋าที่ซุกซ่อนยาเสพติดบินมาจากประเทศต้นทางของยาเสพติด จากนั้นส่งมอบกระเป๋าให้กับบุคคลที่เตรียมลำเลียงต่อภายในจุดต่อเที่ยวบินของท่าอากาศยาน ก่อนที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยและหญิงไทยยังคงเป็นเครื่องมือในการลักลอบลําเลียงยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ใช้ความไว้วางใจจากความสัมพันธ์ส่วนตัวในการสั่งการลำเลียง
หลังจากนี้ชุดปฏิบัติการ AITF จะสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อมาดําเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (DEA) ประจำประเทศไทยเพื่อสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับการรับกระเป๋าที่ซุกซ่อนยาเสพติดก่อนที่จะนำเข้าประเทศไทยต่อไป
Advertisement