ญาติผกก.เบิ้ม ซึ้งใจ หลานอยู่ในกลุ่มช่วยเหลือคนเจ็บ
ลุงมั่นใจ ผกก.เบิ้มอยู่ในกลุ่มช่วยคนเจ็บ เสียดายชีวิตผกก.กำลังรุ่ง ซาบซึ้งในความไม่ติดยศเวลากลับบ้าน เข้าหาลุงป้าน้าอาตลอด เจอล่าสุดเดือนที่แล้ว เห็นชัด ผกก.ทำหน้าที่ดี ลูกน้องชื่นชม รักลูกน้องมาก เชื่อด้วยเหตุนี้จึงรับผิดชอบตัวเองด้วยการปลิดชีพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ 16 กันยายน 2566 เข้าสู่คืนสุดท้ายของการสวดอภิธรรมศพ “พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสงค์” หรือ “ผู้กำกับเบิ้ม” ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่วัดใหญ่ท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ก่อนที่จะมีกำหนดการฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ 17 กันยายน 2566 บรรยากาศวันนี้มีการตกแต่งเมรุด้วยโทนสีขาวบริสุทธิ์ ประดับประดาทั้งดอกไม้สดและเทียม โดยมีผู้เป็นแม่คอยดูแลไม่ห่าง
ทีมข่าวอมรินทร์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ครูอ๋อย” หรือ “ร้อยตรีธรรมนูญ ขำไทยแท้” อายุ 66 ปี เพื่อนของพ่อและมีศักดิ์เป็นลุงของ “ผู้กำกับเบิ้ม” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการจัดเตรียมงานศพ และเป็นคนแรก ๆ ที่เข้าไปช่วยดูแลสภาพจิตใจพ่อแม่ของผู้กำกับที่บ้านหลังทราบข่าวร้าย
“ครูอ๋อย” บอกกับอมรินทร์ทีวีว่าด้วยใจรักที่มีให้กันระหว่างตนกับครอบครัวของผู้กำกับ ซึ่งผูกผันกันมาตั้งแต่อยู่ในค่ายทหารม้า ม.พัน 7 เพราะตนกับพ่อเป็นทหารที่ร่วมสู้รบ ร่วมปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ แถบชายแดน จ.น่านด้วยกัน ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่ปี 2522 ทำให้ได้เห็นการเติบโตของ “ผู้กำกับเบิ้ม” ตั้งแต่อยู่ในค่าย และพอออกมานอกค่ายที่หลังค่ายก็สร้างบ้านอยู่เยื้อง ๆ กัน
ยอมรับเลยว่าวินาทีที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของหลานหรือผู้กำกับนั้น อย่างแรกที่คิดคือ “หลานไม่น่าไปไวขนาดนี้” เพราะภาพที่ตนมองหลานคนนี้คือ “ชีวิตกำลังรุ่ง” และอย่างแรกที่ทำในตอนนั้น คือการเข้าไปหาครอบครัวของผู้กำกับที่บ้าน เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่ของเขาต้องช็อกและรับไม่ได้ขนาดไหนกับการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปแบบนี้ ยิ่งพ่อของเขาก็ป่วยหนักอยู่ด้วย รวมถึงน้องชายเขาที่รักและสนิทกันมาก กลับบ้านมาต้องอยู่ติดกันไม่ห่าง
สำหรับ “ผู้กำกับเบิ้ม” ต้องยกให้เป็นเด็กที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะในสายตาครอบครัว ญาติพี่น้อง สายตาผู้หลักผู้ใหญ่ ลูกน้องหรือสายตากลุ่มเพื่อน อย่างเวลาผู้กำกับกลับมาบ้าน ก็จะเหมือนกับที่ทุกคนเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าเขาจะไม่มียศ และเข้าหาลุงป้าน้าอาทุกคน จุดนี้มันคือความซาบซึ้งที่ตนและคนอื่นๆได้รับจากผู้กำกับมาโดยตลอด
ครั้งล่าสุดที่เจอกับผู้กำกับคือประมาณ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุ ตอนนั้นตนไปเที่ยวและใช้ถนนเส้นที่ผู้กำกับดูแล จึงมีโอกาสได้นัดเจอกันครู่หนึ่ง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นแต่เขาก็ให้การต้อนรับดีมาก ตนสังเกตเห็นได้ชัดว่าการทำหน้าที่ในฐานะผู้กำกับไม่มีบกพร่องเลยจริงๆ แล้วจากที่ตนได้ถามกับลูกน้องของเขา ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า “ผู้กำกับเบิ้ม” เป็นคนดี ขรึม เงียบ รักลูกน้องมาก และด้วยความที่รักลูกน้อง ก็คงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้กำกับตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แล้วมันก็เป็นที่ประจักษ์ เพราะตลอดการสวดอภิธรรมศพ 3 คืนที่ผ่านมา มีคนที่รักผู้กำกับเดินทางมาร่วมงานแน่นทุกคืน
ส่วนถ้าถามถึงการเปิดภาพวงจรปิดบางส่วนและการแถลงของ “บิ๊กโจ๊ก” เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าตัวบอกว่าไม่ผิดคาดเท่าไหร่ เพราะ “ผู้กำกับเบิ้ม” อยู่ในกลุ่มที่ช่วยเหลือคนเจ็บเหมือนกับที่ครอบครัวเชื่อมาโดยตลอด ส่วนกับตำรวจนายอื่น ๆ ที่มีภาพว่าพกปืนในงานและมีข้อมูลว่าให้การเท็จนั้น ตนไม่ขอตัดสินว่าผิดหรือถูก ขอให้เป็นการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป
Advertisement
