วิกฤตกว่าขึ้นราคา ชาวไร่อ้อยเคลื่อนไหวแล้ว 5 พ.ย. เตรียมปิดโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ จนกว่ารัฐบาลจะชัดเจนเรื่องการช่วยเหลือ
วันที่ 1 พ.ย. 66 จากกรณีสถานการณ์ น้ำตาลทรายที่มีผลกระทบไปทั่วประเทศ และทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 6 จ.กำแพงเพชรนั้น
นาย มนตรี เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 แถลงว่า จากการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้พิจารณา เรื่องการให้ น้ำตาลทรายเป็น สินค้าควบคุม เพื่อป้องกันการกำหนดการขึ้นราคา หรือราคาจำหน่าย หรือกำหนดเงื่อนไขปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม และกำกับดูแลสินค้า น้ำตาลทรายให้มีราคาที่เป็นธรรม และมีปริมาณเพียงพอ ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สนอ.) ได้มีการปรับขึ้นราคา น้ำตาลทรายขาวและ น้ำตาลทรายบริสุทธิ์หน้าโรงงาน กิโลกรัมละ 4 บาท ทำให้ราคาปลีกน้ำตาลต้องขยับขึ้นตามนั้น
จริงๆ แล้วการปรับขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นมติความเห็นชอบของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (กน.) ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์น้ำตาลโลกในปัจจุบันมีราคาที่สูงกว่าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะที่เราจำหน่ายน้ำตาลในราคา 20-23 บาท แต่ราคาของตลาดโลกจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 40-50 บาท ที่ผ่านมาเมื่อประมาณปี 2560/2561 ประเทศไทยได้ถูกประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกได้ร้องในเรื่องของราคาน้ำตาลของประเทศไทยที่รัฐบาลได้เข้าไปอุดหนุนราคาน้ำตาลช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย จนทำให้เกิดผลกระทบต่อการจำหน่ายน้ำตาลในตลาดโลก รัฐบาลจึงได้ปล่อยให้ราคาอ้อยและน้ำตาลลอยตัวมา 3-4 ปีส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องแบกรับภาระการขาดทุนมาโดยตลอด
นาย มนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้การปรับราคาน้ำตาล 4 บาทนั้นเป็นการแบ่ง 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนที่ 1 เงินจำนวน 2 บาทแบ่งให้กับกองทุนน้ำตาล 2 บาทและอีก 2 บาทเป็นการช่วยเหลือก็จะช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่แบกรับปัญหาโดยเฉพาะต้นทุนการผลิตหรือการปลูกอ้อยมีราคาที่สูงมาเป็นเวลานาน
นาย มนตรี กล่าวว่า หากเราไม่มีการปรับตัวตามที่มติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงเรานั้นมีราคาน้ำตาลทรายสูงกว่าของประเทศไทยก็จะส่งผลให้น้ำตาลทะลักออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านแบบผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกองทัพมดที่พร้อมจะลักลอบส่งออกน้ำตาลเหล่านี้ไปสู่ประเทศที่บริโภคน้ำตาลแพงกว่าประเทศไทยอนาคตน้ำตาลภายในประเทศก็จะขาดตลาดทันที ในวันนี้องค์กรหลักเราได้มีการพูดคุยใน 4 องค์กรหลัก
ได้แก่ สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย,ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน,สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย,สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย,ได้สรุปกำหนดมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยกันคือ การปิดโรงงานผลิตน้ำตาลทั่วประเทศพร้อมกันในวันที่ 5 พ.ย. 66 เพื่อไม่ยอมให้นำ น้ำตาลในส่วนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยสัดส่วน 70% เพราะหากจำหน่ายไปแล้ว เราก็จะขาดทุน ส่วนน้ำตาลที่เหลืออีก 30% ที่เป็นโควตาของโรงงานก็จะปล่อยเป็นเรื่องโรงงาน เราไม่ยุ่งเกี่ยว หากจะปล่อยไปจำหน่าย
นาย มนตรี กล่าวว่า สำหรับการเตรียมปิดโรงงานน้ำตาลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำตาลในฤดูหีบอ้อย ดังนั้นข้อเรียกร้องของการปิดโรงงานน้ำตาลในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้รัฐบาลโดยเฉพาะ รมว.พาณิชย์ได้ตอบการแก้ปัญหาที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนเงิน 2 บาท ให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ประการที่ 2 คือเงินจำนวน 8,000 ล้านบาทที่จะช่วยเหลือการตัดอ้อยปี 2565/66 ตันละ 120 บาทที่ค้างแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะทำเช่นไร การปิดโกดังในครั้งนี้ถือเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดจนกว่าจะได้ข้อสรุปในการช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ชัดเจน
Advertisement