พ่อแม่บุญธรรม นายใหม่ ปัดเข้าข้าง พร เชื่อไม่น่ามีส่วนวางแผนฆ่าผัว แต่อาจเป็นชนวนเหตุให้ชายคนรัก 2 คน ต้องปะทะเดือด นำมาซึ่งการฆาตกรรม
ความคืบหน้าคดีนาย ธนาสันต์ เตอั้น หรือ ใหม่ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน ถูกนายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต อายุ 37 ปี อุ้มไปสังหารอย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพไปทิ้งที่มอเตอร์เวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะมีการคลี่ปมพบว่า น่าจะเกิดจากรักสามเส้า หลัง น.ส.วรรณพร หรือ น้องพร ภรรยาของผู้ตาย ออกมายอมรับว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ช่างกิต จนนำมาซึ่งการฆาตกรรม
ล่าสุดทางด้านครอบครัวบุญธรรมของ “นายใหม่” ผู้เสียชีวิต ภายหลังที่ติดตามข่าวมาตั้งแต่วันแรกจนผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์ วันนี้ทาง “นายดำรงค์ เจริญพร “ และ “นางดวงพร ศรีสุรกำพล“ ซึ่งมีศักดิ์เป็น พ่อ และ แม่ บุญธรรมของ ”นายใหม่“ คนตาย รวมถึงมีความสนิมสนมกับทาง ”นางสาวพร“ มาเป็น 10 ปี
ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า โดยความสัมพันธ์นั้นทั้งคู่บอกว่าด้วยความที่ทาง “ใหม่“ ก่อนหน้านี้อยู่กับย่าแถวบางนา เนื่องจากครอบครัวของ ”ใหม่“ แยกทางกัน หลังจากที่ย่าของใหม่เสียชีวิตเจ้าตัวได้ไปมาหาสู่บ้านของตน เนื่องจากรู้จักกับลูกชายของตน หลังจากนั้นตนเองเห็นว่าใหม่เป็นเด็กที่นิสัยดีเลยรับอุปการะเป็นลักษณะคล้ายช่วยดูแล
กระทั่ง”ใหม่“ ติดทหาร ก่อนจะออกและทราบว่าได้ไปใช้ชีวิตกับทางด้านนางสาวพร ซึ่งส่วนตัวก็รู้จักกับทางด้านนางสาวพร เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ แต่ในช่วงจังหวะที่เขาคบกันเองไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาที่ไป มาทราบหลังจากที่ทางใหม่ ได้มาหาตนและบอกกล่าวว่าได้อยู่กินกับทางด้านนางสาวพร ซึ่งตอนนั้นก็มีกระแสต่อต้าน และมีหลายคนมาบอกว่าไม่อยากให้ทางนายใหม่ไปยุ่งกับทางด้านนางสาวพร เนื่องจากมีลักษณะเป็นคนเจ้าชู้และเคยมีครอบครัวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีการขัดหรือแย้งเนื่องจากเห็นว่าทั้งคู่รักกัน เลยเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับใช้ชีวิตคู่ เพิ่งจะมาทราบภายหลังที่เกิดเรื่อง เนื่องจากเพื่อนของทางนายใหม่ ได้มาเล่าให้ตนฟังภายหลังที่เป็นกระแสข่าว เพราะตอนแรกที่ทราบข่าวว่าทางนายใหม่ถูกฆ่า ในใจคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติดหรือความขัดแย้งในที่ทำงาน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวของทางด้าน ”นางสาวพร“ ซึ่งตอนวันที่เกิดเรื่องช่วงแรก ตนยังได้ติดต่อสอบถามกับทางด้านนางสาวพรว่าเกิดอะไรขึ้น และยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ซึ่งนางสาวพรเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวให้ตนฟัง กระทั่งเพื่อนสนิทของนายใหม่ได้มาบอกว่า เรื่องราวนั้นน่าจะเชื่อมโยงกับกรณีที่นางสาวพรไปแอบมีกิ๊กหรือผู้ชายคนอื่นจนนำไปสู่การอุ้มฆ่า
โดยที่ตอนนั้นตนเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อและยังมองว่าเป็นการใส่ร้าย ”นางสาวพร“ ตนยังคงตั้งปมเหตุเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งและเรื่องยาเสพติด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ และทราบว่าเป็น ”นายกิต“ และมีปมเรื่องชู้สาวตามที่เพื่อนสนิทนายใหม่เล่า พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมานายใหม่ เคยเคลียร์เรื่องชู้ของนางสาวพร มาแล้ว 1-2 รอบ แต่ปิดเป็นเรื่องเงียบ เพราะ ”นายใหม่ “รัก ”นางสาวพร “ มากไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี
เมื่อเรื่องราวดังกล่าวเชื่อมโยงว่าเป็นปมชู้สาวจริง ตนก็ได้มีการสอบถามจากปากของ ”นางสาวพร“ โดยตรง ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งนางสาวพรเองยอมรับกับตนว่ามีความสนิทสนมและมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เนื่องจากที่ผ่านมาทาง ช่างกิต ถือเป็นหัวหน้างานของเขา และพยายามช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องการงาน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับออเดอร์ส่งของเป็นคนแรกๆ ให้ทำงานน้อยกว่าคนอื่น รวมไปถึงจะหางานและหารอบให้กับทางนางสาวพรได้มีรายได้ ตลอดจนยังมีการช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องเงินหากขัดสน ซึ่งประเด็นนี้ทำให้นางสาวพรยอมคบหากับทาง ”ช่างกิต“ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ่ง
ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมในช่วงที่มีหลักฐานออกมาช่วงแรก นางสาวพรถึงไม่ยอมพูดความจริง ทั้งที่บางอย่างไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องรถหรือเกี่ยวกับปมชู้สาว ในส่วนนี้ตนก็ได้มีโอกาสสอบถามกับทางเจ้าตัว ซึ่งทางเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะโดนตราหน้าเกี่ยวกับเรื่องผู้ชาย ส่วนเรื่องรถคันสีแดงที่ตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดทางนางสาวพรอ้าง ว่าไม่มั่นใจว่าจะใช้รถของช่างกิตหรือไม่ เลยไม่กล้าพูด ซึ่งเป็นคำตอบที่ตนได้มาจากปากของนางสาวพร
ถามว่าส่วนตัวมองว่า ”นางสาวพร” จะมีส่วนรู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการวางแผนเพื่อฆาตกรรมผัวของตัวเองหรือไม่นั้น ตนไม่ได้เข้าข้าง แต่หากมองในหลักของความเป็นจริงและได้มีโอกาสพูดคุยมาตั้งแต่แรก เชื่อว่านางสาวพรไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการก่อเหตุของช่างกิต แต่ในมุมที่ตนสันนิษฐาน อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า ทางนางสาวพรได้สื่อสารกับช่างกิต หรือทางนายใหม่ ให้ทั้งคู่ไปพูดคุยหรือตกลงไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับเรื่องปมชู้สาว โดยที่ไม่ได้คาดคิดว่าทางช่างกิตจะพลั้งมือก่อเหตุดังกล่าว ส่วนประโยคที่ทาง “ช่างกิต ” ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลักษณะเชิงว่า “นายใหม่” ท้าให้ยิงถ้าจะเอาเมียของเขาไป ตนในฐานะที่รู้จักและรู้ว่าลักษณะนิสัยของผู้ตายเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่าทาง “นายใหม่” น่าจะพูดประโยคดังกล่าวจริง เพราะเขาเป็นคนที่รักภรรยามาก คงพูดด้วยความที่ไม่อยากให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับภรรยาของเขา ทั้งที่เขาเคยจับได้ว่าภรรยานอกใจไปแล้วหลายรอบ แต่ก็ยังคงให้อภัยและใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับทาง “นางสาวพร” ตามปกติ
ส่วนประเด็นเรื่องโทรศัพท์มือถือกับปืน ที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ไม่สามารถค้นหาเจอ ในส่วนนี้ก็ตั้งข้อสงสัยเช่นกันว่า ทำไมในส่วนของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถค้นหาได้ไม่ยากจากในหลายคดี แต่ตอนนี้หายไปไหน ส่วนโทรศัพท์มือถือของทางนายใหม่ ที่ผ่านมาตนไม่ทราบว่าทางเจ้าตัวได้มีการตั้งรหัสหรือมีการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอหรือไม่ แต่ตนก็เห็นว่าทางด้านนางสาวพร สามารถเล่นมือถือเครื่องดังกล่าวได้ตามปกติ ซึ่งเชื่อว่าเขาเองคงรู้รหัสถ้าทาง “นายใหม่“ ตั้งล็อกหน้าจอ เพราะมองว่าส่วนหนึ่งทางนางสาวพร เป็นคนฉลาดและไม่ได้โง่ ประจวบกับทางด้านนายใหม่เองก็เชื่อและไว้ใจเมีย
ตนยังเชื่อว่าบุคคลที่ก่อเหตุไม่ใช่มีเพียงแค่ ช่างกิต คนเดียว เชื่อว่าอีก 4 คน น่าจะมีส่วนรู้เห็น สอดคล้องกับข้อมูลใหม่ ที่พบมีคนช่วยมัดเชือก
ยืนยันว่า”นายใหม่“ ไม่น่าจะรู้สึกถึงเหตุการณ์ว่า ”นางสาวพร “ คบกับ ”ช่างกิต“ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนเชื่อว่าทางช่างกิต น่าจะรู้แค่ฝ่ายเดียวว่าทาง ”นางสาวพร“ มีสามีอยู่แล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นพรอาจจะไม่ทราบและไม่ได้มีส่วนที่จะยุให้เกิดเหตุฆาตกรรมดังกล่าวขึ้น แต่มองว่าพรอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของชนวนเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องได้เจอกันและพูดคุยเพื่อเคลียร์ในลักษณะแบบผู้ชาย แต่คาดไม่ถึงว่าช่างกิต จะโมโหร้ายและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ทางแม่บุญธรรมของทางนายใหม่ ได้มีการพยายามติดต่อหรือพูดคุยกับทางด้านนางสาวพร แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับตัดการติดต่อ โทรไปก็ไม่รับสาย ไลน์ไปไม่อ่าน เข้าใจว่าคงเครียด เพราะทราบว่าญาติฝั่ง “พร”เองก็ไม่มีใครเอาพร เพราะมีเรื่องฉาวของผู้ชาย และญาติพรก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าตัว.
Advertisement