สาวสอง ยืนยัน ดำเนินคดีพิธีกรเวทีประกวดมิสไชน่า ปัตตานี ที่หัวร้อนให้ถึงที่สุด หลังทำร้ายร่างกายบาดเจ็บเหตุไม่พอใจที่ทีมพี่เลี้ยงส่องไฟให้ผู้ประกวด แถมยังทำร้ายผิดคน
นายอธิวัฒน์ พันธภาค หรืออาดี้ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสองที่ถูกพิธีกรเวทีประกวดมิสไชน่าปัตตานีพร้อมลูกน้องทำร้ายร่างกาย กลางดึกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังการประกวดเสร็จสิ้นเปิดใจว่าต้นเหตุเกิดจากพิธีกรคนนี้ไม่พอใจที่กลุ่มพี่เลี้ยงผู้เข้าประกวด ส่องไฟสปอร์ตไลท์ขึ้นไปยังบนเวที เพื่อให้ผู้เข้าประกวดหน้าสว่างมากขึ้น
ซึ่งวันดังกล่าวตนเดินทางไปจังหวัดปัตตานีเพื่อเชียร์ผู้เข้าประกวดมิสไชน่า ปัตตานี ที่เพื่อนของตนส่งเข้าประกวดและหลังจากที่ยืนดูการประกวดรอบแรกได้ระยะหนึ่ง ก็มีพี่เลี้ยงผู้เข้าประกวดอีกทีมซึ่งไม่รู้จักกันได้ส่องไฟสปอร์ตไลท์ให้ผู้เข้าประกวดตามปกติเพราะบนเวทีไฟไม่เพียงพอ และมืดมากแต่เมื่อถูกพิธีกรพูดตักเตือนให้หยุดส่องไฟ พี่เลี้ยงทีมดังกล่าวก็หยุดส่องกระทั่งการประกวดเสร็จสิ้นและทุกคนก็กำลังเดินขึ้นไปถ่ายรูปบนเวที เพื่อนของตนที่ส่งนางงามเข้าประกวดจึงฝากให้ตนถือไฟให้
ปรากฏว่า ทีมงานของพิธีกรคนดังกล่าวเดินเข้ามาหา และเชิญไปพูดคุยข้างเวทีแต่ตนได้ปฏิเสธและแจ้งว่าให้พูดคุยกันตรงนี้ เนื่องจากเห็นคนเยอะและหากไปข้างเวทีก็คิดว่าไม่ปลอดภัยอาจจะโดนทำร้ายร่างกายหนักกว่านี้ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ตบเข้าที่หน้าตนทันที ส่วนพิธีกรก็ลงจากเวทีแล้วพูดว่า เอาเลย จากนั้นก็ยกเก้าอี้พลาสติกฟาดถูกที่หน้าผาก และแขนของตนจนหน้าผากแตก แขนฟกช้ำ ส่วนแก้มขวาก็ช้ำจากการถูกตบ จากนั้นเพื่อนของตนก็เข้ามาห้ามและโดนทำร้ายร่างกายด้วยแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บซึ่งชายที่สวมหมวกและทำร้ายร่างกายคนแรกคาดว่าเป็นทีมงานที่ดูแลเครื่องเสียงของพิธีกร เพราะทราบมาว่าเปิดบริษัทออแกไนเซอร์รับงานจากเทศบาลเมืองปัตตานี
ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ส่องไฟสปอร์ตไลท์ขึ้นไปบนเวที ทีมพี่เลี้ยงที่เป็นเพื่อนของตนก็ไม่ได้ส่องไฟ แต่เวทีประกวดนางงามทั่วไปพี่เลี้ยงก็จะส่องไฟให้กับผู้เข้าประกวดของทีมตัวเอง เพื่อให้สว่างเพิ่มมากขึ้นแต่เวทีที่เกิดเหตุประกวด มิสไชน่า ปัตตานี แสงไฟส่องสว่างไม่เพียงพอและพี่เลี้ยงทีมแรกก็ส่องไฟสปอร์ตไลท์และทำให้ผู้เข้าประกวดหน้าสว่างมากขึ้น
สำหรับพิธีกรคนดังกล่าวซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดเทศบาลเมืองปัตตานี แต่กลับมาก่อเหตุลักษณะนี้ก็เห็นว่าไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ และหากเห็นตนยืนถือไฟอยู่ก็ควรสอบถาม หรือพูดคุยตักเตือนกันดี ๆ ไม่ใช่เดินลงจากเวทีมาแล้วสั่งให้ลูกน้องทำร้ายร่างกาย อีกทั้งหลังก่อเหตุก็มีพฤติกรรมเหมือนคนที่คลุ้มคลั่ง หลายคนก็พยายามห้ามแต่เอาไม่อยู่เพราะพิธีกรคนดังกล่าวโวยวายเสียงดัง ซึ่งตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและเรียกร้องให้เทศบาลเมืองปัตตานีสอบสวนเอาผิดทางวินัยเนื่องจากงานดังกล่าวจัดโดยเทศบาลเมืองปัตตานี และพิธีกรคนนี้ก็เป็นข้าราชการของเทศบาลเมืองปัตตานี ถือว่าก่อเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งตนได้ปรึกษากับทนายความเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเนื่องจากต้องหยุดงานและต้องรักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย และเที่ยงวันนี้ตนจะเข้าพบพนักงานสอบสวนสภเมืองปัตตานีเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม
Advertisement