หย่าแล้ว! สาวอดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา กับสามีนักธุรกิจ "ปวีณา" เป็นคนกลาง จากนี้ต่างคนทำหน้าที่พ่อและแม่ ฝ่ายหญิงมีสิทธิปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
จากกรณีวันที่ 28 ก.พ.67 น.ส.ใหม่ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี อดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา พาลูกสาว 5 ขวบ เข้าขอความช่วยเหลือจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ถูกสามีนักธุรกิจทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ต้องการจะใช้ชีวิตร่วมกับฝ่ายชายอีก
โดยยืนยันต้องการหย่าขาดและมีสิทธิในการปกครองบุตร ขณะที่ฝ่ายชายได้พาพ่อแม่เดินทางจาก จ.นครราชสีมา มาพูดคุยเพื่อขอคืนดีแต่ตกลงกันไม่ได้
ต่อมาวันที่ 11 มี.ค. 67 ที่ว่าการอำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.ใหม่ และสามีนักธุรกิจ ทั้งคู่ได้ตกลงมาทำการจดทะเบียนหย่ากันด้วยความสมัครใจ โดยมี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และนายรณกร เผ่าวิจารณ์ นายอำเภอธัญบุรี เป็นสักขีพยาน
ซึ่งทั้งคู่ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงให้มารดามีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว โดยบิดาสามารถรับไปอยู่ด้วยได้ตามโอกาส พฤติกรรมที่เหมาะสม และนำบุตรมาส่งคืนแก่มารดา
สำหรับข้อตกลงเรื่องทรัพย์สิน ฝ่ายชายจะยกรถเบนซ์ที่เป็นชื่อของฝ่ายชาย ซึ่งยังผ่อนชำระอยู่ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายหญิง เมื่อผ่อนชำระครบตามกำหนด โดยจากนี้ฝ่ายหญิงสามารถนำไปใช้ได้เปรียบเสมือนเป็นรถของฝ่ายหญิง ส่วนหนี้สินฝ่ายชายจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว โดยฝ่ายหญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ฝ่ายชายจะจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 40,000 บาท โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. 67 จนกว่าบุตรจะเรียนจบปริญญาตรี สำหรับข้อตกลงอื่นๆ ถ้าฝ่ายชายประพฤติดีฝ่ายหญิงจะพิจารณาอีกครั้งอาจมีโอกาสที่จะกลับมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยาได้อีก โดยมีเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ปทุมธานี มาเป็นพยาน
นางปวีณา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-11 มี.ค.67 เป็นเวลา 12 วันที่ น.ส.ใหม่ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ โดยมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับ น.ส.ใหม่ และลูกสาวอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ น.ส.ใหม่มีความประสงค์จะหย่ากับสามี จนในวันนี้ตกลงกันได้ด้วยดี จึงนัดหมายกันมาจดทะเบียนหย่ากันที่อำเภอธัญบุรี โดยลูกอยู่ในความปกครองของ น.ส.ใหม่ บิดาสามารถรับไปอยู่ด้วยได้ตามโอกาสฯ ทั้งสองคนยังเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีของลูกตลอดไป จากนี้ น.ส.ใหม่จะพาลูกกลับไปอยู่กับแม่ที่ จ.นครราชสีมา ตนขอขอบคุณทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่มาช่วยเจรจา และขอบคุณ นายรณกร เผ่าวิจารณ์ นายอำเภอธัญบุรี ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานครั้งนี้ด้วย
Advertisement