เปิดใจ พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. โดนผู้บริหารสาวระดับโลก เมาแล้วขับกร่างถีบยอดหน้า แถมถูกด่า “อิชั้นต่ำ”
จากกรณี ผู้บริหารหญิงบริษัทดังระดับโลก เมาแล้วขับรถเบนซ์ ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการใช้เท้าถีบหน้าของ พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับเมื่อปี 65 ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 26 เม.ย. 67 ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจจราจรได้มีการตั้งด่านจุดตรวจสกัดวัดแอลกอฮอล์ทุกคืนตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนกรณีเพิ่งได้รับรายงาน เหตุเกิดวันที่ 24 เม.ย. 67 เวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ที่บริเวณจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์เลียบด่วนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสุวรรณภูมิ พื้นที่ สน. ประเวศ ซึ่งผู้ต้องหาได้ขับรถเข้ามาที่ด่านและตำรวจได้ขอทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งก็เป็นพฤติกรรมปกติทั่วไป
เบื้องต้นให้ความร่วมมือดี แต่ในการตรวจเบื้องต้นจากเครื่องวัดขณะอยู่ที่รถพบว่ามีสัญญาณบอกว่ามีแอลกอฮอล์เกิน จึงได้เชิญตัวลงมา เพื่อทำการเป่าตรวจละเอียด และใช้ดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมาย กำหนด ประมาณ 104 มิลลิกรัม
จากนั้นจึงขอแจ้งข้อหาจับกุมตัว เนื่องจากขับรถในขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินตามที่กฎหมายกำหนด จังหวะที่จะเชิญตัวไปที่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวนที่ สน. ประเวศ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นช่วงนี้ เริ่มจากผู้ต้องหาไม่ยอมไป สน.ประเวศ และขัดขืน โดยใช้เวลานานพอสมควร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมโดยรองผู้กำกับในฐานะหัวหน้าด่านก็ได้ชี้แจง และแจ้งข้อกล่าวหา การปฏิบัติตามขั้นตอนของการใช้กำลังในการจับกุม และแจ้งสิทธิ์ พร้อมทั้งชี้แจงว่าต้องดำเนินคดีอย่างไร และเชิญตัวไปอย่างไร
ซึ่งผู้ต้องหาก็ปฏิเสธที่จะไม่ยอมไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ดังนั้นต้องใส่เครื่องพันธนาการ ซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมไปอยู่ดี จึงต้องใช้กำลังตามขั้นตอน ช่วงเวลาที่จะนำตัวเข้าไปในรถ เขาไม่ยอมเข้าไปในรถแล้วก็มีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน และใช้กำลังเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาว่าเขาถีบหน้ารองผู้กำกับไป 1 ครั้งและยังมีการประทะคารมกันอยู่ข้างในรถอีก ในส่วนนี้เรามีคลิปที่อยู่ เพราะเรามีหลักฐานในการจับกุมตัวตามกฏหมายว่าการจับกุมตัวต้องมีการบันทึกวิดีโอตลอดเวลาในขณะจับกุมตัว
ด้าน พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. ที่ถูกถีบหน้า กล่าวว่า จากการปฎิบัติหน้าที่ตรวจคนเมาแล้วขับที่ผ่านมา พบว่าเจอคนมาปะทะคารมแทบทุกคืน มีหลายรูปแบบ กรณีแกล้งตายก็มี แต่กรณีนี้ตอนจับตนก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าเป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ ตนก็มีหน้าที่เชิญตัวไป สน. ประเวศ เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเท่านั้นเอง
ซึ่งขั้นตอนการพูดคุย ถ้าทุกคนได้เห็นคลิปจริงๆในชั้นศาลจะเห็นว่าตำรวจแทบจะปูพรมแดงพาเขาเดินไปขึ้นรถเลย เพราะเชิญแล้วเชิญอีก ขอร้องแล้วขอร้องอีกว่าไปเถอะครับ เพื่อให้ไปประกันตัวที่โรงพักแล้วจะได้กลับบ้าน ไม่มีอะไรเลย เสียค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท และบำเพ็ญประโยชน์นิดหน่อย ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ประมาณ 6 เดือน ตามคดีเก่าๆที่เคยปรับกันมาก็จบแล้ว แต่เขาก็ยังขัดขืนไม่ยอม
ส่วนที่ถูกถีบหน้าได้อย่างไรนั้น ซึ่งตนก็มีความสูงขนาดนี้ไม่มียืนแล้วมาถีบกันแน่นอน แต่เป็นจังหวะที่ตนพาตัวผู้ต้องหาเข้าไปในรถตำรวจ ที่เป็นรถกระบะแคป และเอนเบาะนั่งด้านข้างคนขับ ดังนั้นตนก็ค่อยๆ ดันตัวเขาเข้าไปในรถ เอาหัวเขาเข้าไปในรถก่อน และดันตัวเข้าไป จังหวะที่เขาจะนั่งที่เบาะ ตนก็ใช้ยุทธวิธีรวบขาสองข้าง และดันเขาเข้าไป แล้วตนก็ดันตัวเองเข้าไปนั่ง เพื่อล็อกตัวเขาไว้ ซึ่งเขาก็จะอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ไม่สามารถขัดขืนได้ ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี แต่ขาเขาเข้าไปไม่สุด ยื่นออกมานอกตัวรถ ทำให้ปิดประตูระไม่ได้ ตนกลัวเขาจะเจ็บ ก็ใจดีบอกให้เขาเอาขาลง ตนก็คลายล็อกที่มือออก และหันไปมองประตูว่าขาพ้นหรือยัง จังหวะที่ขาพ้นประตู และประตูปิดจะหันกลับมา ก็เจอเท้าก็ลอยมาเข้าที่หน้า โชคดีตนใส่หมวกกันน็อกจราจรอยู่ จึงไม่ได้เป็นบาดแผลอะไร
ยืนยันว่าทุกอย่างทำตามขั้นตอน จากนั้นอยู่บนรถก็ปะทะคารมกันตามปกติจนถึงโรงพัก และนำส่งพนักงานสอบสวน ยืนยันไม่มีจับล็อกจับทุ่มตัวแน่นอน ส่วนเรื่องการประทะคารมดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าหน้าที่อย่างไรนั้น ต้องขอถอดเทปรายละเอียดก่อน และให้ฝ่ายกฎหมายดู พร้อมทั้งนำเสนอผู้บังคับบัญชา หากพบว่ามีความผิดเราก็จะแจ้งความดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และไม่มีการยอมความ ซึ่งคำที่ตำรวจติดใจคือการถูกด่าว่า “อิชั้นต่ำ” ที่ตนคิดว่าเป็นคำแรงที่สุด ตอนนั้นเขามีสติ พูดคุยกันรู้เรื่อง
ทั้งนี้ตนได้ยินจากลูกน้องว่ารู้สึกคุ้นหน้า จึงเช็กประวัติว่ามีการถูกจับกุมหรือไม่ ซึ่งพบว่าเคยมีการจับกุมในข้อหาเมาแล้วขับที่ สน. ประเวศ จุดเดียวกันนี่เอง
ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุผมให้เกียรติผู้ต้องหา แต่คุณไม่ให้เกียรติผม และพยายามจะถีบหน้าผมหลายครั้ง แต่ผมก็ปัดป้องได้ เมื่อคุณไม่ให้เกียรติผม ผมก็ไม่สนใจคุณ
อย่างไรก็ตามสำหรับข้อหาที่ได้แจ้งไปคือ 1.ขับรถขณะมึนเมาสุรา 2.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน 3.ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขณะปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งทั้ง 3 ข้อหาดำเนินการแจ้งไปแล้วตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการดูหมิ่นพนักงานต้องขอดูรายละเอียดก่อน และอาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป เพื่อให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างว่าเวลาเมาแล้วนิสัยจะเป็นอย่างไร
พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวเสริมว่า ส่วนเรื่องการใส่กุญแจมือนั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอน โดยการแจ้งข้อหาและแจ้งสิทธิ์ ส่วนดุลยพินิจในการใส่กุญแจมือทำไมเป็นผู้หญิงแล้วต้องใส่นั้น ขอให้กลับไปดูเหตุการณ์เมื่อ2-3วันที่ผ่านมาที่ใส่กุญแจมือผู้ต้องหาอยู่ด้านหลังแล้วตำรวจรถคว่ำ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกัน แต่รองผู้กำกับใช้ดุลยพินิจของตัวเอง ดังนั้นการใส่กุญแจมือเป็นการให้สูญสิ้นอิสรภาพ และผิดสิทธิมนุษยชน แต่ตำรวจได้ใช้ดุลยพินิจดีดีแล้ว
ทุกสิ่งจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่เมาแล้วไปขับรถ เราเป็นตำรวจตั้งด่านทุกวัน เจอทุกรูปแบบ ทั้งแกล้งตาย หรือทำแบบนั้นแบบนี้ เพื่อให้ไม่ต้องไป สน. ถ้าเมาไม่ขับเรื่องมันก็จบจึงอยากขอฝากเรื่องนี้กับประชาชนด้วย
Advertisement