เปิดใจ อิ๋ว เสาวลักษณ์ ชีวิตดั่งนิยาย จากนักร้องดาวรุ่ง มีบ้าน มีเงินกว่า 10 ล้าน กลายเป็นสาวเร่ร่อน ไร้ที่ซุกหัวนอน ต้องไปขออยู่กับเพื่อนบ้าน
จากกรณีที่มีผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อกชื่อ “pramotpanket” ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่สร้างความประทับใจให้กับชาวโซเชียลอย่างมาก เป็นภาพของหญิงเร่ร่อนวัยกลางคนที่มีสภาพร่างกายผอมโซและแต่งกายมอมแมม เมื่อผู้ถ่ายคลิปขอให้เธอร้องเพลง เธอได้โชว์เสียงร้องอันไพเราะราวกับนักร้องมืออาชีพ ทำให้ผู้ชมต่างรู้สึกทึ่งและประทับใจ ผู้ถ่ายคลิปยังมอบอาหารให้เธอเป็นการตอบแทน คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจและมีการแชร์ต่อกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
ซึ่งชาวโซเชียลไม่เพียงแต่ชื่นชมในเสียงร้องของเธอเท่านั้น แต่ยังพยายามสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจนพบว่า หญิงคนนี้คือ “อิ๋ว เสาวลักษณ์” อดีตนักร้องที่เคยมีชื่อเสียงในวงการเพลงลูกทุ่ง ใช้ชื่อในวงการว่า “เอ สะเลเต” เธอเคยร้องเพลงตามคาเฟ่และงานต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสีคิ้วและจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงเคยเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงในรายการโทรทัศน์ชื่อดัง “ไมค์ทองคำ” ด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุที่มากขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้เธอต้องแยกวงและห่างหายไปจากวงการเพลงหลายปี จนกลายเป็นหญิงเร่ร่อนที่เห็นในคลิปวิดีโอดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ (2 มิถุนายน 2567) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปค้นหาตัวสาวที่อยู่ในคลิป ทราบว่าปัจจุบันเธอไปอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน ที่ซอยเทพประทาน ต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อไปถึงบ้านดังกล่าว ก็พบกับ “อิ๋ว เสาวลักษณ์” ซึ่งกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับกระแสข่าวในโซเชียล ที่มีการพูดถึงเธออย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้ โดยมีนางเสนาะ ชอบสุข อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านที่อิ๋วมาพักอาศัยอยู่ และนายเทวัญ ชัยจันทึก อายุ 37 ปี หลานชายของอิ๋ว ที่เคยร่วมวงดนตรีด้วยกัน มาให้กำลังใจด้วย
โดยนางเสนาะฯ เล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้จักอิ๋วมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เธอกำลังรุ่ง หลังจากนั้นก็หายหน้าหายตาไปหลายปี ก่อนที่จะมาพบอิ๋วอีกครั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเห็นอิ๋วเป็นคนเร่ร่อน ไปนอนอยู่หน้าห้องน้ำในตลาดสดอำเภอสีคิ้ว จึงจำได้ และได้ชวนเธอมาพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพราะรู้สึกสงสาร ที่จากคนเคยมีชีวิตที่ดี ต้องมาเป็นคนเร่ร่อนเช่นนี้
ด้านนายเทวัญฯ หลานชายของอิ๋ว เล่าว่า เมื่อ 31 ปีที่แล้ว ตนเองนั้นเคยอยู่ร่วมวงดนตรีกับอิ๋ว และได้เดินสายร้องเพลงไปทั่วประเทศ ก่อนที่อิ๋วจะถูกนายห้างชวนไปออกอัลบั้มที่กรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ติดตามผลงาน ทราบว่าอิ๋วได้พบกับนักร้องดังมากมาย มีเอกราช สุวรรณภูมิ ช่วยแต่งเพลงให้ และเล่นมิวสิควิดีโอให้ ก็รู้สึกดีใจไปด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันอีกเลย มาพบอีกครั้ง ก็ตอนที่เริ่มติดยาเสพติด และเสียคนไปแล้ว
ขณะที่ “อิ๋ว เสาวลักษณ์” หรือนางสาวเสาวลักษณ์ แกมขุนทด อายุ 46 ปี เล่าให้ฟังถึงเส้นทางชีวิตเธอว่า เธอเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ตอนอายุ 15 ปี ขณะที่เธอเพิ่งเรียนจบชั้น ม.3 ได้ไปดูวงดนตรี “หนึ่งนคร” ของแสนรัก เมืองโคราช ซึ่งเป็นวงดนตรีดังของเมืองโคราช ที่มาเล่นอยู่ที่วัดหลวงปู่โต อ.สีคิ้ว (วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี หรือวัดสรพงษ์) ทำให้เกิดความประทับใจและได้สมัครเข้าไปเป็นแดนเซอร์ที่วงดนตรีหนึ่งนคร ตั้งแต่นั้นมา โดยระหว่างที่เป็นแดนเซอร์ ก็ฝึกหัดร้องเพลงกับนักร่องในวง จนสามารถไต่เต้าขึ้นไปเป็นนักร้องนำในวงดนตรีได้สำเร็จ และเดินสายไปร้องเพลงทั่วประเทศอยู่กับวงดนตรีหนึ่งนคร เป็นเวลา 7 ปี กระทั่งได้มีนายห้างศิริพงศ์ ปรีดาพงศ์ แห่งค่ายเพลงช้างเผือก มาพบเธอเข้า จึงได้ชวนเธอไปออกอัลบั้มเพลง ที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้ชื่อในวงการว่า “เอ สะเลเต” ออกอัลบั้มแรกชื่อ “คนนี้ใช่เลย” มีเพลงอยู่ในอัลบั้มทั้งหมด 11 เพลง แต่เพลงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอคือเพลง “รถติด” ซึ่งออกอัลบั้มมาช่วงเดียวกับที่ตั๊กแตน ชลดา นักร้องสาวโคราชเช่นเดียวกันเธอ ที่ออกอัลบั้ม “หนาวแสงนีออน” โดยเธอได้เดินสายร้องเพลงในเวทีคอนเสิร์ตต่างๆ ไปทั่วประเทศ และออกทีวีหลายช่อง นอกจากนี้ยังมีผู้จัดการส่วนตัว ดูแลเรื่องคิวงาน และเรื่องเงินรายได้ จนสามารถมีเงินนับสิบล้านบาท ไปซื้อบ้านหลังใหญ่ 2 หลังอยู่ที่ ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
ระหว่างที่เธอกำลังรุ่งกับค่ายเพลงดังกล่าว ก็เริ่มหลงแสง สี เสียง ชอบเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ จนกระทั่งไปเกี่ยวข้องกับสุรา และยาเสพติด ส่งผลให้ร่างกายเริ่มอิดโรย หน้าตาเริ่มทรุดโทรม งานคอนเสิร์ตก็เริ่มหดหาย ทำให้นายห้างไม่ต่อสัญญา เธอจึงหันมาใช้ชีวิตเป็นนักร้องตามร้านอาหาร และรับจางร้องเพลงให้กับวงดนตรีอิเล็กโทรนตามงานต่างๆ แล้วแต่จะมีคนจ้าง แต่เงินที่ได้มาก็ใช้ไปกับการเที่ยวเตร่ ดื่มสุรา และเสพยาเสพติด จนร่างกายซูบผอม ไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย ขณะเดียวกันก็ได้ขายบ้านทั้ง 2 หลังออกไปในราคาแค่หลังละ 2 แสนบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมิน 3-4 ล้านบาท และนำเงินเหล่านั้นไปใช้กิน ใช้เที่ยวจนหมดตัว ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปี
สุดท้ายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ญาติต้องพาเธอไปบำบัดอาการทางจิต ที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ และออกจากโรงพยาบาลมาก็กลายเป็นคนเร่ร่อน อยู่ในตลาดสดอำเภอสีคิ้ว จนกระทั่งมีคนไปพบนอนอยู่หน้าห้องน้ำในตลาด และพาเธอมาอยู่ด้วยในปัจจุบัน ซึ่งเธอบอกว่า ที่เป็นคนเร่ร่อนเช่นนี้ ก็เพราะเป็นคนชอบใช้ชีวิตอิสระ อยากไปไหนก็ไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายอะไร แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบร้องเพลง เวลามีงานที่ไหน เธอก็มักจะชอบไปร้อง เต้น อยู่หน้าเวทีเป็นประจำ บางครั้งคนเห็นและจำได้ ก็จะให้ติ๊บพอได้เงินไปซื้ออาหารประทังชีวิต ซึ่งเธอก็คิดถึงชีวิตในช่วงเป็นนักร้องเช่นกัน ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ตอีกสักครั้ง.
Advertisement