ครอบครัวเสี่ยต้น ยื่นศาลค้านประกันเจ๊มดกับพวก คดีจ้างวานลอบฆ่าเสี่ยต้น ด้านทนายเดชา เผยฝ่ายจําเลยยื่นประกัน 1 ล้านบาท เชื่อศาลไม่อนุญาต
จากกรณีการเสียชีวิตของนาย พิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับไปหา น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด ภรรยา ที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม
กระทั่ง น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของ เสี่ยต้น เข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เนื่องจากสงสัยการตายมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ จึงได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของพี่ชาย
จนในที่สุดตำรวจได้ออกหมายจับ น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด พร้อมกับพรรคพวกในข้อหาจ้างวานฆ่าในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ส่วนการตายของเสี่ยต้นใน จ.มหาสารคามนั้น ตำรวจเชื่อว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงมัดตัวกลุ่มคนร้ายได้แน่นอน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 5 มิ.ย. 67 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ทนายเดชา นําแม่และน้องสาวของเสี่ยต้น มายื่นคําร้องขอศาลคัดค้านการประกันตัว น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด และพวกร่วม 3 คน ในคดี “จ้างวานลอบฆ่าเสี่ยต้น”
ทนายเดชา กล่าวว่า วันนี้ตนพาแม่และน้องสาวของเสี่ยต้นมายื่นคําร้องคัดค้าน หรือปล่อยตัวชั่วคราวจําเลยทั้ง 3 คน โดยมีผู้ต้องหา 2 คนให้การยอมรับสารภาพทั้งหมดรวมถึงซักทอดไปยัง เจ๊มด ว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่า ประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ สามารถทําให้เชื่อว่าเจ๊มด ภรรยาของเสี่ยต้นนั้นกระทําความผิดจริง เกรงว่าหากปล่อยไปอาจจะหลบหนี หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ที่สําคัญคือผู้ต้องหาที่เป็นมือปืนยังอยู่ระหว่างการหลบหนี รวมถึงครอบครัวของเสี่ยต้นยังถูกเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามาก่อกวนอีกด้วย
ทนายเดชา กล่าวว่า ส่วนกรณีการเสียชีวิตปริศนาของ เสี่ยต้นที่ จ.มหาสารคาม มีความคืบหน้าประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยพบว่าหลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ทําให้ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มให้การที่เป็นประโยชน์ แม้ศพจะถูกเผาไปแล้วก็สามารถใช้พยานหลักฐานอื่นๆ มาประกอบในสํานวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มได้ เหมือนกับคดี แอม ไซยาไนด์ แม้จะมีการเผาร่างผู้เสียชีวิตไปแล้วก็ยังมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดผู้กระทําผิดเพิ่มได้เช่นกัน
ด้านน้องสาวเสี่ยต้น ยอมรับว่า ยังมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเนื่องจากยังมีผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นมือปืนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี อีกทั้งเมื่อช่วงประมาณวันที่ 27-28 พ.ค. ที่ผ่านมา มีเบอร์ปริศนาโทรมาปั่นป่วนหลวงพ่อ ซึ่งเป็นบิดาของเสี่ยต้น ในลักษณะของการก่อกวน เบื้องต้นทางครอบครัวได้บล็อกเบอร์ดังกล่าว และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ เจ๊มด ภรรยาของเสี่ยต้น ไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวนนั้นจะเป็นการพลิกคดีในชั้นศาลหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่าการที่ภรรยาของเสี่ยต้นไม่ให้การใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน ทางกฎหมายถือเป็นข้อพิรุธ เนื่องจากหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานฆ่า ก็ควรจะต้องรีบให้การกับพนักงานสอบสวนโดยเร็ว เพราะการอ้างว่าจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น อาจจะทำให้ศาลยกประโยชน์ให้แก่โจทก์และไม่รับฟังคำให้การของจำเลย ตนจึงขอขอบคุณภรรยาของเสี่ยต้นที่ไม่ให้การใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะก่อให้เกิดประโยชน์ทางคดีแก่ฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ทนายเดชา ยังเปิดเผยอีกว่า ตนทราบข่าวว่าทนายความของ ภรรยาเสี่ยต้นเตรียมยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวในชั้นศาลเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ตนไม่ทราบ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาอีก 2 รายให้การรับสารภาพ จึงคาดว่า ศาลอาจจะมีดุลยพินิจไม่ให้ประกันตัว แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลจะพิจารณา
Advertisement